ธอส.โชว์ผลงานครึ่งปียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ 75,853 ล้านบาท โต 9.93% จากเป้าทั้งปี 170,043 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,158 ล้านบาท ระบุมาตรการรัฐช่วยหนุนยอดปล่อยสินเชื่อเพิ่ม พร้อมเดินหน้าขานรับนโยบายรัฐทุ่ม 7,000 ล้านบาท ปล่อยกู้”โครงการบ้าน ธอส. เพื่อผู้สูงอายุ” 50 ปีขึ้นไป กู้ซื้อบ้านดอกเบี้ยถูก 3.25% ต่อปีนาน 4 ปี
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กล่าวว่า ธนาคาร สามารถปล่อยสินเชื่อปล่อยใหม่ได้ทั้งสิ้น 75,853 ล้านบาท จากเป้าที่วางไว้ 170,073 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.93% คิดเป็น 53,925 ราย โดยเป็นสินเชื่อปล่อยใหม่ วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท จำนวน 43,395 ราย สะท้อนให้เห็นว่า ธนาคารยังสามารถสร้างโอกาสให้ประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และปานกลาง ได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง
ปัจจุบัน ธนาคารมีสินเชื่อคงค้างมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 894,089 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.62% สินทรัพย์รวม 940,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.52% เงินฝากรวม 757,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.32% และมีกำไรสุทธิ 5,158 ล้านบาท จากเป้าทั้งปีที่ 9,500 ล้านบาท ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) อยู่ที่ระดับ 16.03% ซึ่งสูงกว่าอัตราเงินกองทุนขั้นต่ำ 8.50% ที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย
“หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ของธนาคารในปัจจุบันมีจำนวน 51,483 ล้านบาท คิดเป็น 5.76% สูงกว่าที่ตั้งเป้าไว้ทั้งปีที่ 5.25% ซึ่งถือเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ NPL ลดลงในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม NPL ดังกล่าวกระจายอยู่ในทุกผลิตภัณฑ์ อาทิ ชาวสวนยางที่ราคายางตกต่ำทำให้รายได้ลดลง หรือในบางอาชีพที่มีรายได้ลด แต่อย่างไรก็ตาม NPL ดังกล่าวถือว่านิ่ง และสามารถควบคุมได้ต่างจากช่วงสิ้นปี 2558 ที่ NPL อยู่ที่ 5.45%” นายฉัตรชัย กล่าว
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้ผลการดำเนินงานของธนาคารปรับตัวดีขึ้น เป็นผลมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ และภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ผ่านมาตรการต่างๆ ขณะเดียวกัน ในส่วนของผลการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีผลชัดเจนว่าประชาชนส่วนใหญ่รับร่างรัฐธรรมนูญ จะช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในการเดินหน้าโครงการ รวมถึงประชาชนที่จะตัดสินใจซื้อบ้านสามารได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารยังได้พัฒนานวัตกรรมสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทุกระดับ อาทิ โครงการบ้านประชารัฐ วงเงินกู้รายละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท โครงการบ้าน ธอส. เพื่อข้าราชการ ให้กู้สำหรับกลุ่มข้าราชการ ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา และพนักงานรัฐวิสาหกิจ โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท และโครงการบ้าน ธอส. อุ่นใจ สำหรับลูกค้าวงเงินกู้เกิน 2 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารมั่นใจว่า ทิศทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จะช่วยส่งผลให้การปล่อยสินเชื่อใหม่ของธนาคารเป็นไปตามเป้าหมาย 170,043 ล้านบาท และมีกำไร 9,500 ล้านบาท
นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ธนาคารยังได้ขานรับนโยบายรัฐบาลที่ให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมในการก้าวไปสู่สังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) ของประเทศไทยในอนาคต ธอส.ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่มีพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” ได้เล็งเห็นความสำคัญกับการดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุให้เกิดความมั่นคงในการดำรงชีวิตภายใต้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม จึงได้เตรียมวงเงิน 7,000 ล้านบาท จัดทำ “โครงการบ้าน ธอส. เพื่อผู้สูงอายุ” นอกจากนี้ ยังร่วมกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ดำเนินการบ้านเพื่อผู้สูงอายุ วงเงิน 1,500 ล้านบาท รวมถึงร่วมหารือกับกระทรวงการคลัง ดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุวงเงินประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้
สนองนโยบายรัฐผุด “บ้านธอส.เพื่อผู้สูงอายุ”
สำหรับวงเงินโครงการบ้าน ธอส.เพื่อผู้สูงอายุ จำนวน 7000 ล้านบาท ของธนาคารแบ่งเป็น 1.สินเชื่อสำหรับผู้กู้รายย่อย (Post Finance) วงเงิน 3,000 ล้านบาท ให้กู้ที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป โดยสามารถกู้ร่วมกับคู่สมรสจดทะเบียน บุตร หรือหลานได้ อัตราดอกเบี้ยปีที่ 1-4 เท่ากับ MRR - 3.25% ต่อปี (หรือ 3.50% ต่อปี) คิดจาก MRR ธอส.ปัจจุบันเท่ากับ 6.75% ต่อปี ปีที่ 5 จนถึงตลอดอายุสัญญากู้ กรณีลูกค้าสวัสดิการเท่ากับ MRR - 1% ต่อปี กรณีลูกค้ารายย่อยเท่ากับ MRR - 0.5% ต่อปี และกรณีกู้ซื้ออุปกรณ์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัยเท่ากับ MRR
โดยมีวัตถุประสงค์ให้กู้เพื่อซื้อ ปลูกสร้าง ต่อเติม และซ่อมแซมที่อยู่อาศัยที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับการอยู่อาศัยของผู้สูงอายุตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด หรือซื้ออุปกรณ์ หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย และระยะเวลาผ่อนชำระ การพิจารณาจะพิจารณาจากอายุของผู้กู้รวมกับจำนวนปีที่ขอผ่อนชำระต้องไม่เกิน 70 ปี (กรณีผู้กู้ร่วมที่อายุไม่ถึง 40 ปี ผ่อนได้นานสูงสุดไม่เกิน 30 ปี)
2.สินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการ (Pre Finance) วงเงิน 4,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ปีที่ 1-2 เท่ากับ 4% ต่อปี ปีที่ 3-5 คิดอัตราดอกเบี้ยของภาระหนี้ส่วนที่เหลือ ไม่ต่ำกว่า MLR - 1% ต่อปี (ปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ย MLR เท่ากับ 6.4% ต่อปี) ให้กู้สำหรับจัดทำโครงการที่มีที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ ทั้งประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวเฮาส์ และห้องชุดไม่น้อยกว่า 40% ของจำนวนหน่วยขายทั้งหมดของโครงการ โดยผู้ประกอบการที่สามารถเข้าร่วมโครงการได้ต้องมีคุณสมบัติ อาทิ เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หรือผู้ประกอบการในโครงการ FAST TRACK/ REGIONAL FAST TRACK ของธนาคาร เคยมีประสบการณ์ และมีความสำเร็จในการทำธุรกิจจัดสรร
ทั้งนี้ คุณสมบัติสำคัญของที่อยู่อาศัยเพื่อผู้สูงอายุที่สามารถเข้าร่วมโครงการดังกล่าวได้ อาทิ ประตูทางเข้าอาคาร หรือห้อง ต้องมีขนาดอย่างน้อย 90 เซนติเมตร พื้นต้องทำจากวัสดุที่เรียบเสมอกัน ไม่ลื่น หากพื้นมีระดับที่ต่างกันต้องมีบันได หรือทางลาดที่สามารถขึ้น-ลงได้สะดวก ยกเว้นห้องครัว/ห้องนอน/ห้องน้ำต้องไม่มีพื้นต่างระดับ มีที่นั่งสำหรับการอาบน้ำพร้อมราวจับด้านข้างที่นั่ง สวิตช์ไฟต้องมีขนาดใหญ่กว่าปกติ มีระบบตัดไฟฟ้าลัดวงจร และต้องติดตั้งสัญญาณ
ลูกค้าที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้ และทำนิติกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2559 หรือภายใต้กรอบวงเงินที่ธนาคารกำหนด สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 หรือ www.ghbank.co.th และ Facebook fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง ธนาคารยังคงมุ่งเน้นเดินหน้าตามพันธกิจหลักเพื่อทำให้คนไทยมีบ้าน พร้อมเป็นสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ และสังคมให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยใช้กลไกขับเคลื่อน (Drive Engines) 3 ด้าน ได้แก่ 1.Social Solution หรือ การดูแลกลุ่มผู้ด้อยโอกาสให้เข้าถึงระบบการเงินเพื่อที่อยู่อาศัย พร้อมการเป็นผู้นำสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย และปานกลาง ผ่านโครงการสินเชื่อหลายรูปแบบ รวมถึงโครงการสินเชื่อนโยบายรัฐ พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อรองรับการก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ โครงการยกระดับคุณภาพชีวิตของกลุ่มผู้ด้อยโอกาส
2.Business Solution หรือ การเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้สูงด้วย New Business Model พร้อมนวัตกรรมสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย โครงการสินเชื่อบ้านวงเงินกู้มากกว่า 3 ล้านบาท และยกระดับการให้บริการ พร้อมประสานความร่วมกับผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย อาทิ จัดทำศูนย์ปฏิบัติการสินเชื่อนครหลวง หรือ Premier Service Center
3.Management Solution หรือ การบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพด้วยต้นทุนต่ำ ภายใต้กรอบภารกิจ และหลักธรรมาภิบาล โดยการปฏิรูประบบการทำงานภายในของธนาคารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รองรับการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้น อาทิ การพัฒนาระบบ IT ทั้งระบบ Internet & Mobile Banking โครงการ Service Excellence มุ่งเน้นการให้บริการที่ดีทั่วทั้งองค์กร โครงการ Prototype DE ปฏิรูปกระบวนการทำงานส่วน Front โดยแบ่งบทบาทหน้าที่ให้เป็น Sale & Service อย่างชัดเจน โครงการ Digital Banking โครงการ e-Payment การรับชำระเงินแบบพร้อมเพย์ : PromptPay และโครงการบัตรเติมเงินเพื่อชำระเงินกู้ รวมถึงการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์องค์กรให้เป็น SMART Organization เพื่อก้าวไปสู่วิสัยทัศน์ : ธนาคารที่ดีที่สุดสำหรับการมีบ้าน
ส่วนความคืบหน้าในการดำเนิน “โครงการ ธอส. โรงเรียนการเงิน” ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ที่ให้ความสำคัญในการส่งเสริมความรู้ทางการเงิน (Financial Literacy) ให้ประชาชน ที่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง แต่ขาดความพร้อม และการเตรียมตัวที่ถูกต้อง โดยหลังจากเริ่มดำเนินโครงการมาตั้งแต่วันที่ 23 พฤษภาคม 2559 ล่าสุด ณ วันที่ 5 สิงหาคม 2559 มีประชาชนที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 11,000 ราย และมีผู้ที่เปิดบัญชีเงินฝากตามเงื่อนไขของโครงการ ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อบ้านในอนาคตแล้วกว่า 2,000 ราย