เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ คุณภาพเปี่ยมล้น อวดงบไตรมาส 2/59 มีกำไรสุทธิ 8.38 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 31.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นกว่า 126.41% ส่วนงวด 6 เดือนไม่น้อยหน้า ชูกำไรสุทธิ 7.34 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 40.34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 118.19% “กิตติ พัวถาวรสกุล” เชื่อครึ่งปีหลังธุรกิจของบริษัทยังขยายตัวได้ดี รับอานิสงส์ลูกค้าเก่า-ใหม่ขยายตัว บริษัทย่อยหนุน
นายกิตติ พัวถาวรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นซีแอล อินเตอร์เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (NCL) เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2559 สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 ของงบเฉพาะกิจการ มีกำไรสุทธิ 17.13 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 23.99 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือน มีกำไรสุทธิ 17.76 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 31.42 ล้านบาท ส่วนงบการเงินรวมของบริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 8.38 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 31.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 23.34 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126.41%
ส่วนผลประกอบการงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 ของบริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 7.34 ล้านบาท เทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 40.34 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 118.19% โดยมีสาเหตุหลักมาจากในปี 2558 บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารจากการเริ่มต้นการให้บริการรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นการบริการลอจิสติกส์แบบครบวงจร โดยเป็นการรับบริการจัดการขนส่งสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์ครบวงจร จากท่าเรือระนอง ประเทศไทย ไปยังท่าเรือย่างกุ้ง ประเทศพม่า ซึ่งในปี 2559 ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แล้ว ส่งผลให้ยอดค่าใช้จ่ายลดลงประมาณ 14.63 ล้านบาท ประกอบกับในปี 2558 มีค่าใช้จ่ายขาดทุนจากการตัดจ่ายเงินประกันจากโครงการท่าเรือระนอง จำนวน 18.49 ล้านบาท ซึ่งในปี 2559 ไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แล้วเช่นกัน อีกทั้งในปี 2559 บริษัทฯ มีกำไรจากการโอนทรัพย์สินไปลงทุนในในบริษัทร่วมค้า จำนวน 5.66 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทย่อยในประเทศสิงคโปร์ ก็มียอดกำไรที่เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2558 ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลการดำเนินงานกำไรสูทธิในงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2559 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน
สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุด 30 มิถุนายน 2559 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการรวมเท่ากับ 496.19 ล้านบาท ลดลง 9.62 % โดยมีสาเหตุหลักๆ เกิดจากรายได้ค่าบริการจัดการขนส่งสินค้าแบบตู้คอนเทนเนอร์ครบวงจรจากท่าเรือระนอง ประเทศไทย ไปยังท่าเรือย่างกุ้ง ประเทศพม่า ลดลงจากปี 2558 ทั้งจำนวน เนื่องจากในปี 2559 บริษัทฯ ไม่มีรายได้ในส่วนนี้แล้ว
อย่างไรก็ดี บริษัทย่อยในประเทศสิงคโปร์ มียอดรายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2558 ซึ่งเกิดจากการขยายฐานลูกค้าเพิ่มมากขึ้น ส่วนรายได้จากธุรกิจขนส่งสินค้าในประเทศด้วยรถบรรทุกหัวลาก-หางลาก มียอดรายได้เพิ่มขึ้น 9.70 ล้านบาท คิดเป็น 16.26% เนื่องจากในปี 2558 ลูกค้าที่เป็นการขนส่งสินค้าเกษตรรายหนึ่งมียอดใช้บริการลดลงจากเดิม เนื่องจากผลผลิตที่ลดลง แต่ในปี 2559 มียอดใช้บริการเพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นระดับปกติ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เชื่อว่า ภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทฯ จะเน้นขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ ไปพร้อมๆ กับรักษาฐานลูกค้าเก่าไว้ เพื่อผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตมากยิ่งขึ้นในอนาคต ประกอบกับบริษัทฯ ยังเริ่มรับรู้รายได้ และกำไรจากบริษัทย่อย คือ บริษัท รีเจนท์ ชิปปิ้ง ไทยแลนด์ และบริษัทร่วม คือ บริษัท เอสเอสเค อินเตอร์ โลจิสติกส์ (SSK) ตั้งแต่ไตรมาส 2/2559 ส่งผลให้ NCLเป็นบริษัทลอจิสติกส์ครบวงจรที่เปี่ยมด้วยศักยภาพ สามารถรองรับกับความต้องการของลูกค้าได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
“ปีนี้น่าจะได้เห็นการเติบโตอย่างชัดเจนยิ่งขึ้นของบริษัทฯ จากฐานลูกค้าเก่า และลูกค้ารายใหม่ๆ ที่มีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะสาขาย่อยที่ประเทศสิงคโปร์ เมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา พบว่าฐานลูกค้าเติบโตสูงถึง 100% และคาดว่าน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต ดังนั้น จึงทำให้เชื่อมั่นว่าปีนี้รายได้จะเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้” นายกิตติ กล่าว
