xs
xsm
sm
md
lg

ซี.พี.แอล.กรุ๊พ Q2 กำไรโต 21% ผลดีมาร์จิ้นพุ่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ซี.พี.แอล.กรุ๊พ ไตรมาส 2 กำไรสุทธิโตกว่า 21% อานิสงส์ยอดขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่รายได้ 6 เดือนแรกเฉียด 1.1 พันล้านบาท มองปัจจัยกดดันคลายตัว ทั้งความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่บริหารจัดการได้ดีขึ้น มั่นใจครึ่งปีหลังยังรักษาอัตราการขยายตัวของผลการดำเนินงานไว้ได้ในระดับน่าพอใจ 
 
นายสุวัชชัย วงษ์เจริญสิน รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.แอล.กรุ๊พ จำกัด (มหาชน) หรือ CPL เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2 (เมษายน-มิถุนายน) ปี 2559 ว่า บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 566.21 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 15.33% ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 21.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 2 ของปี 2558 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 17.44 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 21.33% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการที่ในไตรมาสนี้บริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน จากที่เคยขาดทุนในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการขายลดลง รวมถึงการที่บริษัทฯ สามารถผลักดันยอดขายสินค้าในกลุ่มที่มีมาร์จินสูงได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังรับรู้ผลขาดทุนจากการลงทุนในบริษัทร่วม จำนวน 2.56 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตั้งเครื่องจักร และคาดว่าจะดำเนินการผลิตได้เต็มรูปแบบภายในปลายปีนี้ ส่วนรายได้จากการขายในครึ่งปีแรก 2559 (มกราคม-มิถุนายน) บริษัทฯ สามารถทำได้ 1,096.98 ล้านบาท

“ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 เป็นที่น่าพอใจ แม้ว่ารายได้จากการขายจะลดลง แต่เราสามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น จากการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ซึ่งต้องยอมรับว่าสินค้าของ CPL เป็นสินค้าจากธรรมชาติ ดังนั้น จึงอาจจะมีความเสี่ยงจากคุณภาพของสินค้าที่ควบคุมไม่ได้อยู่บ้าง แต่เป็นสัดส่วนที่น้อยมาก ทำให้เรามีสินค้าทั้งที่มีมาร์จิ้นสูง และสินค้าที่มีมาร์จิ้นในระดับปกติ ซึ่งที่ผ่านมา เราพยายามนำเสนอสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงอยู่แล้ว แต่อาจจะมีบางช่วงที่ยอดขายไม่ได้เป็นไปตามที่เราต้องการ ดังนั้น การกลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงในไตรมาสที่ 2 ซึ่งผลักดันให้กำไรเติบโตขึ้นนั้น ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีของเรา ที่จะทำตลาดสินค้าในกลุ่มนี้ให้เกิดความต่อเนื่องไปจนถึงครึ่งปีหลัง เพื่อที่เราจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตของปริมาณยอดขายในปีนี้ไว้ได้ที่ระดับ 5% ตามเป้าหมาย” รองกรรมการผู้จัดการ CPL กล่าว

ในส่วนของปัจจัยซึ่งเคยกดดัน CPL นั้น นายสุวัชชัย กล่าวว่า ปัจจัยต่างๆ ได้คลี่คลายไปมาก ไม่ว่าจะเป็นการรับรู้ผลขาดทุนที่เกิดจากการขายวัตถุดิบคงเหลือค้างสต๊อกในราคาที่ต่ำกว่าต้นทุน ซึ่งดำเนินการไปแล้วในไตรมาสแรกของปีนี้ ส่วนที่เหลือมาถึงไตรมาสที่ 2 ก็ไม่ได้มีนัยสำคัญจนกระทบกับผลการดำเนินงาน ขณะที่การจัดการกับความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทฯ ก็สามารถบริหารจัดการได้ดีขึ้นเป็นลำดับ จนสามารถกลับมามีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนได้

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ฝ่ายบริหารให้ความสนใจที่สุดในขณะนี้ คือ ผลการดำเนินงานที่แท้จริง ที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจตามปกติของบริษัทฯ โดยพยายามรักษาคำสั่งซื้อจากลูกค้าไว้ให้ได้อย่างเหนียวแน่น และยั่งยืน ท่ามกลางความผันผวนที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไป ขณะเดียวกัน ต้องดูแลบริหารจัดการด้านต้นทุน ซึ่งจนถึงขณะนี้ก็ยังสามารถทำได้ดี จนทำให้ผลการดำเนินงานที่แท้จริงยังเป็นบวกได้ แต่บริษัทฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยมีแนวคิดที่จะเพิ่มความสามารถในการหารายได้ รวมถึงเพิ่มมาร์จินให้กับสินค้า

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา CPL ได้ดำเนินการรุกเข้าสู่การบริหารจัดการสินค้าตั้งแต่ต้นทาง ด้วยการร่วมทุนกับบริษัทพาราเม้าท์ ไฮด์ เลเธอร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรฮ่องกง ในการจัดตั้งบริษัท อินทิเกรเต็ด เลเธอร์ เน็ตเวอร์ค จำกัด เพื่อดำเนินธุรกิจศูนย์กระจายสินค้าสำหรับหนังทุกประเภท (Leather Platform Service) ซึ่งขณะนี้ระบบการติดตั้งเครื่องจักรได้เดินหน้าไปแล้ว 80% โดยบริษัทร่วมทุนที่จัดตั้งขึ้นนี้จะทำให้ CPL สามารถบริหารวัตถุดิบตั้งแต่ต้นทางได้ดีขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องสต๊อกวัตถุดิบไว้เป็นจำนวนมากเหมือนที่ผ่านมา พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังแสวงหาโอกาสในการที่ขยายไปสู่สินค้าขั้นปลาย หรือ End Product โดยอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการผลิตสินค้าสำเร็จรูปในกลุ่มแฟชัน ซึ่งหากดำเนินการได้สำเร็จ และคุ้มค่ากับการลงทุน ก็จะทำให้ CPL อยู่ในอุตสาหกรรมฟอกหนังสำเร็จรูปอย่างครบวงจร ตั้งแต่ขั้นต้นจนถึงขั้นปลาย และจะกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมฟอกหนังโดยเฉพาะในกลุ่มแฟชัน ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าของ CPL ได้อย่างแน่นอน


กำลังโหลดความคิดเห็น