เอเซีย เมทัล อวดไตรมาส 2 มีกำไร 138.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 264% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน พบปัจจัยบวกราคาเหล็กขาขึ้น และแนวโน้มทรงตัวในระดับที่ดี พร้อมปรับแนวทางการดำเนินงานโดยกำหนดแผนธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบริษัท และทรัพยากรที่มี
นายชูศักดิ์ ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริษัท เอเซีย เมทัล จำกัด (มหาชน) หรือ AMC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2559 ว่า บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,327.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกัน 264.94 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.58% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 138.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 222.38 ล้านบาท หรือคิดเป็น 264% ซึ่งการเติบโตของผลกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากหลายปัจจัย ทั้งจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการเหล็กที่ยังมีปริมาณมาก
อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยเน้นกลยุทธ์ขายสินค้าที่กำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) สูง เช่น “ท่อเหล็ก” รวมถึงได้เข้าสู่ตลาดลูกค้าที่เป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ และความต้องการสูงมากขึ้น อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุด ต้นทุนทางเงินของบริษัทฯ อยู่ที่ 7 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 10 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการปรับปรุงด้านการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และการบริหารจัดการด้านการตลาดให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจของบริษัท
สำหรับแนวโน้มธุรกิจของ AMC ในครึ่งปีหลัง มั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อเหล็กรูปพรรณจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่ AMC รับผลิตตามขนาดที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะเข้ามาตลอดทั้งปี ซึ่ง AMC มีโรงผลิตท่อเหล็กที่ใช้เครื่องจักรที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐาน TS-16949 ซึ่งเป็นมาตรฐานคุณภาพขั้นสูงในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ปัจจุบันมีโรงผลิตท่อเหล็กเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ที่ใช้เครื่องจักรได้มาตรฐานดังกล่าว
นายชูศักดิ์ ยงวงศ์ไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริษัท เอเซีย เมทัล จำกัด (มหาชน) หรือ AMC แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2559 ว่า บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 1,327.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกัน 264.94 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 25.58% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 138.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 222.38 ล้านบาท หรือคิดเป็น 264% ซึ่งการเติบโตของผลกำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากหลายปัจจัย ทั้งจากราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามความต้องการเหล็กที่ยังมีปริมาณมาก
อีกทั้งบริษัทฯ ยังได้ปรับโครงสร้างธุรกิจ โดยเน้นกลยุทธ์ขายสินค้าที่กำไรขั้นต้น (มาร์จิ้น) สูง เช่น “ท่อเหล็ก” รวมถึงได้เข้าสู่ตลาดลูกค้าที่เป็นฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ และความต้องการสูงมากขึ้น อาทิ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมก่อสร้าง และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถลดต้นทุนการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ล่าสุด ต้นทุนทางเงินของบริษัทฯ อยู่ที่ 7 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ 10 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการปรับปรุงด้านการบริหารจัดการสินค้าคงคลัง และการบริหารจัดการด้านการตลาดให้สอดคล้องกับแผนธุรกิจของบริษัท
สำหรับแนวโน้มธุรกิจของ AMC ในครึ่งปีหลัง มั่นใจว่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณคำสั่งซื้อเหล็กรูปพรรณจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่ AMC รับผลิตตามขนาดที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่จะเข้ามาตลอดทั้งปี ซึ่ง AMC มีโรงผลิตท่อเหล็กที่ใช้เครื่องจักรที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐาน TS-16949 ซึ่งเป็นมาตรฐานคุณภาพขั้นสูงในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ ที่ปัจจุบันมีโรงผลิตท่อเหล็กเพียงไม่กี่แห่งในประเทศไทย ที่ใช้เครื่องจักรได้มาตรฐานดังกล่าว