เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง โชว์งบไตรมาส 2 รายได้ 1,119.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% และกำไร 184.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 146.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน ส่วนงบ 6 เดือนแรก รายได้ 2,137.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41.5% และกำไร 345.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 173.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.19 บาท/หุ้น ปิดสมุดทะเบียน 25 ส.ค. ก่อนจ่ายวันที่ 7 ก.ย.นี้
นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) “TKN” ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายสาหร่ายแปรรูปในรูปแบบต่างๆ อาทิ สาหร่ายทอดกรอบ สาหร่ายย่าง และสาหร่ายอบ ภายใต้ตราสินค้า “เถ้าแก่น้อย” เปิดเผยผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2 ปี 2559 บริษัทมีรายได้ 1,119.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.5% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 10.0% จากไตรมาสที่ผ่านมา ส่วนกำไรสุทธิ 184.7 ล้านบาท คิดเป็น 16.5% ต่อยอดขาย โดย เพิ่มขึ้น 146.4% จากไตรมาสเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 15.0% จากไตรมาสที่ผ่านมา
ขณะที่ผลประกอบการ 6 เดือนแรก บริษัทมีรายได้จากการขาย 2,137.6 ล้านบาท กำไรสุทธิ 345.3 ล้านบาท คิดเป็น 16.2% ต่อยอดขาย โดยเพิ่มขึ้น 41.5% และ173.5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยยอดขายรวม 6 เดือนแรกในประเทศ มีอัตราเติบโต 18.6% จากกลุ่มนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะลูกค้าชาวจีนที่เดินทางเข้ามาในไทยมากขึ้น รวมถึงตลาดสาหร่ายขยายตัวจากกิจกรรมทางการตลาด และการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งสร้างการรับรู้แบรนด์ การขยายช่องทางจัดจำหน่ายไฮเปอร์มาร์เกต และออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น สาหร่ายอบสอดไส้ “IPlus” และขนมสาหร่ายทะเลทอดกรอบ “Seagle” เพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้า ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกับยอดขายต่างประเทศ มีอัตราเติบโต 67.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะในตลาดจีน ซึ่งมียอดเติบโตอย่างต่อเนื่องหลังจากบริษัทได้เริ่มเข้าทำตลาดในช่วงปลายปี 2557 และได้แต่งตั้งผู้แทนจำหน่ายในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ตลอดจนยอดขายในฮ่องกง และเวียดนาม มีการเติบโตได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ลดอัตราส่วนสูญเสีย เพื่อลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการควบคุมค่าใช้จ่ายให้เป็นไปตามงบประมาณที่กำหนด โดย 6 เดือนแรก บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้น 35.2% ต่อยอดขาย
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรกของปี 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.19 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 262,200,000 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อสิทธิในการรับเงินปันผลระหว่างกาล (Record Date) ในวันที่ 24 สิงหาคม 2559 ปิดสมุดทะเบียน และพักการโอนหุ้นในวันที่ 25 สิงหาคม 2559 และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 7 กันยายน 2559
“เป็นความสำเร็จอีกไตรมาส ที่เถ้าแก่น้อยสามารถทำยอดขาย และกำไรเติบโตทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ด้วยความตั้งใจในการสร้างแบรนด์สินค้าให้เป็นที่รู้จัก พัฒนาสินค้าให้มีความหลากหลาย ตรงกับกลุ่มเป้าหมายทุกเพศ ทุกวัย ตามกลยุทธ์ทางการตลาดที่วางแผนไว้ ประกอบกับการที่บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ตามงบประมาณ ทั้งในด้านต้นทุนโรงงาน ค่าใช้จ่ายในการขายและการตลาด รวมถึงค่าใช้จ่ายบริหาร ซึ่งเหตุผลต่างๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นส่วนช่วยสนับสนุนให้ผลการดำเนินงานออกมาเป็นที่น่าพอใจ” นายอิทธิพัทธ์ กล่าว
สำหรับโรงงานแห่งใหม่ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ ที่อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้างโรงงานนั้น ขณะนี้งานก่อสร้างเกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว บริษัทมั่นใจว่า จะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ต้นปี 2560 ซึ่งโรงงานดังกล่าวทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เป็นไปตามแผนงานที่บริษัทต้องการพัฒนา “เถ้าแก่น้อย” ให้เป็นแบรนด์ขนมขบเคี้ยวชั้นนำในระดับเอเชีย (Asian Brand) และแบรนด์ระดับโลก (Global Brand) ต่อไป