CHO ยื่นร้อง สตง.ตรวจสอบงบดุล เบสท์ริน กรุ๊ป ขาดคุณสมบัติเป็นคู่สัญญา ขสมก. และมีความเสี่ยงจะถูกฟ้องล้มละลาย
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ช ทวี (CHO) กล่าวว่า กลุ่มร่วมค้าที่มีบริษัทเป็นแกนนำได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของ เบสท์ริน กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในการประมูลจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน เนื่องจากเสนอรายรับ-รายจ่ายในงบการเงินไม่ถูกต้อง และยังมีความเสี่ยงจะถูกฟ้องล้มละลาย ซึ่งศาลภาษีอากรจะมีการตัดสินคดีในสิ้นเดือน ส.ค.นี้
ขณะที่คณะกรรมการ ขสมก.จะมีการประชุมวาระพิเศษในวันที่ 8 ส.ค.59 เพื่อตัดสิน และประกาศผู้ชนะประมูลโครงการดังกล่าว ซึ่งหากตัดสินว่า เบสท์ริน กรุ๊ป เป็นผู้ชนะ ทางบริษัทก็พร้อมน้อมรับคำตัดสิน แต่ ขสมก.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบหากเกิดปัญหาในอนาคต เพราะการร่วมงานกับบริษัทที่กำลังจะถูกฟ้องล้มละลายถือว่ามีความเสี่ยง
“เราก็ต้องปล่อยให้เป็นอำนาจของ สตง. และ ขสมก.ว่าจะสรุปอย่างไร ซึ่งเราก็ทำตามหน้าที่ของเราเต็มที่ และก็รอวันที่ 8 ส.ค.นี้ ถ้า ขสมก.ประกาศมาว่า ให้คู่แข่งเราชนะ เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ก็คงต้องยอมรับคำตัดสินนั้น”
สำหรับความคืบหน้าคดีที่ CHO ยื่นฟ้อง ขสมก.ต่อศาลปกครองกรณีที่ ขสมก.ยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน ในการประมูลครั้งก่อน และเรียกค่าเสียหายราว 1,500 ล้านบาท ขณะนี้ศาลปกครองกลางได้รับคำฟ้องแล้ว และยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งยังน่าจะใช้ระยะเวลาพอสมควร
นายสุรเดช กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 59 ไว้ไม่ต่ำกว่า 10% โดยการประมูลงานโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ อีกทั้งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องงานระบบตรวจสอบ และติดตามการปฏิบัติการเดินรถ (GPS) ของ ขสมก. และยังมองโอกาสเข้าประมูลงานรถเมล์ไฟฟ้าของ ขสมก.อีกด้วย ซึ่งเชื่อว่าบริษัทน่าจะได้รับโอกาสเข้าไปรับงานดังกล่าว
นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ช ทวี (CHO) กล่าวว่า กลุ่มร่วมค้าที่มีบริษัทเป็นแกนนำได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เพื่อตรวจสอบคุณสมบัติของ เบสท์ริน กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุดในการประมูลจัดซื้อรถเมล์ NGV จำนวน 489 คัน เนื่องจากเสนอรายรับ-รายจ่ายในงบการเงินไม่ถูกต้อง และยังมีความเสี่ยงจะถูกฟ้องล้มละลาย ซึ่งศาลภาษีอากรจะมีการตัดสินคดีในสิ้นเดือน ส.ค.นี้
ขณะที่คณะกรรมการ ขสมก.จะมีการประชุมวาระพิเศษในวันที่ 8 ส.ค.59 เพื่อตัดสิน และประกาศผู้ชนะประมูลโครงการดังกล่าว ซึ่งหากตัดสินว่า เบสท์ริน กรุ๊ป เป็นผู้ชนะ ทางบริษัทก็พร้อมน้อมรับคำตัดสิน แต่ ขสมก.จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบหากเกิดปัญหาในอนาคต เพราะการร่วมงานกับบริษัทที่กำลังจะถูกฟ้องล้มละลายถือว่ามีความเสี่ยง
“เราก็ต้องปล่อยให้เป็นอำนาจของ สตง. และ ขสมก.ว่าจะสรุปอย่างไร ซึ่งเราก็ทำตามหน้าที่ของเราเต็มที่ และก็รอวันที่ 8 ส.ค.นี้ ถ้า ขสมก.ประกาศมาว่า ให้คู่แข่งเราชนะ เราก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ก็คงต้องยอมรับคำตัดสินนั้น”
สำหรับความคืบหน้าคดีที่ CHO ยื่นฟ้อง ขสมก.ต่อศาลปกครองกรณีที่ ขสมก.ยกเลิกสัญญาจัดซื้อรถเมล์ NGV 489 คัน ในการประมูลครั้งก่อน และเรียกค่าเสียหายราว 1,500 ล้านบาท ขณะนี้ศาลปกครองกลางได้รับคำฟ้องแล้ว และยังคงอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งยังน่าจะใช้ระยะเวลาพอสมควร
นายสุรเดช กล่าวว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้ปี 59 ไว้ไม่ต่ำกว่า 10% โดยการประมูลงานโครงการจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ อีกทั้งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างรอเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งเรื่องงานระบบตรวจสอบ และติดตามการปฏิบัติการเดินรถ (GPS) ของ ขสมก. และยังมองโอกาสเข้าประมูลงานรถเมล์ไฟฟ้าของ ขสมก.อีกด้วย ซึ่งเชื่อว่าบริษัทน่าจะได้รับโอกาสเข้าไปรับงานดังกล่าว