บีซีพีจี เตรียมหุ้นไอพีโอ 590 ล้านหุ้น เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปหลัง สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งไฟลิ่งแล้ว ระดมทุนเพื่อนำไปขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งใน และต่างประเทศ ตั้งเป้าปี 2563 มีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง รวมทั้งสิ้น 1,000 MW ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน ก.ล.ต.อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ของ BCPG
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ผู้ผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า BCPG เป็นบริษัทในเครือของกลุ่ม บมจ.บางจากปิโตรเลียม ที่เกิดจากการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในอนาคตของกลุ่ม บมจ.บางจากปิโตรเลียม โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา BCPG ได้เข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จาก บมจ.บางจากปิโตรเลียม จำนวนกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 118 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วทั้งหมด
ทั้งนี้ BCPG มีเป้าหมายต้องการขับเคลื่อนพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในหลากหลายรูปแบบ ด้วยวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจที่จะประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ ให้ร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานหมุนเวียนด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างโลกสีเขียวที่ยั่งยืน (The World's Greenergy Iconic Creator) ที่นำไปสู่เป้าหมายการดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในระดับสากล รวมถึงจะลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างสรรค์พลังงานหมุนเวียนในรูปแบบใหม่ๆ ให้แก่โลก
“เรามีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในระดับสากล โดยจะร่วมมือกับองค์กร หรือพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อร่วมกันพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อยกระดับคุณภาพของทุกชีวิตในอนาคต ผ่านการลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรูปแบบต่างๆ ซึ่งได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน” นายบัณฑิต กล่าว
ทั้งนี้ BCPG มีศักยภาพในการขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งใน และต่างประเทศ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง รวมทั้งสิ้น 1,000 MW ภายในปี 2563 โดย BCPG มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการประกอบธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ที่ทำให้ BCPG สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ BCPG ยังมีความพร้อมในด้านเงินทุนที่จะผลักดันให้การขยายธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีแหล่งเงินทุนทั้งจากวงเงินกู้ยืมที่พร้อมเบิกใช้ รวมถึงเงินที่จะได้รับจากการ IPO ในครั้งนี้
โดย BCPG มีนโยบายเปิดกว้างด้านการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งในรูปแบบการลงทุนผ่านบริษัทย่อยทั้งหมด ร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หรือเข้าซื้อกิจการทั้งหมด หรือบางส่วนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรืออยู่ระหว่างการพัฒนา
นอกเหนือจากแผนการลงทุน และเป้าหมายการขยายธุรกิจที่ชัดเจนแล้ว BCPG ยังมีความสามารถที่จะมอบผลตอบให้แก่นักลงทุนทั้งในรูปแบบของการเติบโตของผลการดำเนินงาน และฐานะทางการเงิน รวมถึงการจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุน โดย BCPG ได้กำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผล
โดยจะจ่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 40.0 ของกำไรสุทธิ อย่างไรก็ดี BCPG มีความตั้งใจที่จะจ่ายเงินปันผลให้เทียบเคียงได้กับคู่แข่งรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน BCPG มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา รวมทั้งสิ้น 130 MW แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 118 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 12 MW นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา รวมทั้งสิ้น 194 MW แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 20 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 174 MW
นายภานพ อังศุสิงห์ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม กล่าวว่า BCPG ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ ร่างหนังสือชี้ชวน และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (แบบคำขอเสนออนุญาตเสนอขาย) ต่อ ก.ล.ต.ในวันที่ 29 มีนาคม 2559 และล่าสุด ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ ร่างหนังสือชี้ชวน และแบบคำขอเสนออนุญาตเสนอขายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2559
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม กล่าวว่า ภายหลังจาก ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลมีผลบังคับใช้แล้ว ที่ปรึกษาทางการเงินและ BCPG จะร่วมกันกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการเสนอขายหุ้น IPO โดยมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ของ BCPG ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ซึ่งจะทำให้หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ได้รับความสนใจและตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนแน่นอน
นายวราห์ สุจริตกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การเสนอขายครั้งนี้ BCPG จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 590 ล้านหุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 29.6 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยจะจัดสรรให้แก่ (1) ผู้ถือหุ้นเดิมของ BCP ตามสัดส่วนการถือหุ้นเพื่อรักษาสิทธิ (Pre-emptive Right) จำนวนไม่เกิน 68.85 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 11.69 ของจำนวนหุ้น IPO และ (2) ส่วนที่เหลือจะจัดสรรให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป โดยหากในกรณีที่ยังคงมีหุ้นเหลือจากการจัดสรร Pre-emptive Rights BCPG จะนำหุ้นส่วนที่เหลือดังกล่าวทั้งหมดไปรวมจัดสรรเพื่อเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไปตามส่วนที่ (2) ปัจจุบัน BCPG มีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 5 บาท โดยทุนที่ออกจำหน่าย และชำระแล้วทั้งหมดมีจำนวน1,400 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ BCPG เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งใน และต่างประเทศ โดยเป็นการลงทุนผ่าน BCPG และบริษัทย่อย รวมทั้งสิ้น 50 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย จำนวน 8 บริษัท และบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศอีก 42 บริษัท ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง BCPG มีแผนนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ไปใช้ขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งใน และต่างประเทศ ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินต่อไป
นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG ผู้ผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า BCPG เป็นบริษัทในเครือของกลุ่ม บมจ.บางจากปิโตรเลียม ที่เกิดจากการปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในอนาคตของกลุ่ม บมจ.บางจากปิโตรเลียม โดยในปี 2558 ที่ผ่านมา BCPG ได้เข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จาก บมจ.บางจากปิโตรเลียม จำนวนกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 118 เมกะวัตต์ ซึ่งดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วทั้งหมด
ทั้งนี้ BCPG มีเป้าหมายต้องการขับเคลื่อนพลังงานหมุนเวียนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในหลากหลายรูปแบบ ด้วยวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจที่จะประสานความร่วมมือกับพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ ให้ร่วมกันสร้างสรรค์นวัตกรรมพลังงานหมุนเวียนด้วยเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างโลกสีเขียวที่ยั่งยืน (The World's Greenergy Iconic Creator) ที่นำไปสู่เป้าหมายการดำเนินธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในระดับสากล รวมถึงจะลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างสรรค์พลังงานหมุนเวียนในรูปแบบใหม่ๆ ให้แก่โลก
“เรามีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจเป็นผู้ผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในระดับสากล โดยจะร่วมมือกับองค์กร หรือพันธมิตรทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อร่วมกันพัฒนาพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ ด้วยความคิดสร้างสรรค์ อันนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่อยกระดับคุณภาพของทุกชีวิตในอนาคต ผ่านการลงทุนพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรูปแบบต่างๆ ซึ่งได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ โรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน” นายบัณฑิต กล่าว
ทั้งนี้ BCPG มีศักยภาพในการขยายการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งใน และต่างประเทศ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้ง รวมทั้งสิ้น 1,000 MW ภายในปี 2563 โดย BCPG มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร ประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญในการประกอบธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ที่ทำให้ BCPG สามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบต่างๆ นอกจากนี้ BCPG ยังมีความพร้อมในด้านเงินทุนที่จะผลักดันให้การขยายธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยมีแหล่งเงินทุนทั้งจากวงเงินกู้ยืมที่พร้อมเบิกใช้ รวมถึงเงินที่จะได้รับจากการ IPO ในครั้งนี้
โดย BCPG มีนโยบายเปิดกว้างด้านการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ทั้งในรูปแบบการลงทุนผ่านบริษัทย่อยทั้งหมด ร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน หรือเข้าซื้อกิจการทั้งหมด หรือบางส่วนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง หรืออยู่ระหว่างการพัฒนา
นอกเหนือจากแผนการลงทุน และเป้าหมายการขยายธุรกิจที่ชัดเจนแล้ว BCPG ยังมีความสามารถที่จะมอบผลตอบให้แก่นักลงทุนทั้งในรูปแบบของการเติบโตของผลการดำเนินงาน และฐานะทางการเงิน รวมถึงการจ่ายเงินปันผลให้แก่นักลงทุน โดย BCPG ได้กำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผล
โดยจะจ่ายไม่น้อยกว่าร้อยละ 40.0 ของกำไรสุทธิ อย่างไรก็ดี BCPG มีความตั้งใจที่จะจ่ายเงินปันผลให้เทียบเคียงได้กับคู่แข่งรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน BCPG มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา รวมทั้งสิ้น 130 MW แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 118 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 12 MW นอกจากนี้ ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา รวมทั้งสิ้น 194 MW แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 20 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 174 MW
นายภานพ อังศุสิงห์ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ตัวแทนบริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม กล่าวว่า BCPG ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ ร่างหนังสือชี้ชวน และแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (แบบคำขอเสนออนุญาตเสนอขาย) ต่อ ก.ล.ต.ในวันที่ 29 มีนาคม 2559 และล่าสุด ก.ล.ต.ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ ร่างหนังสือชี้ชวน และแบบคำขอเสนออนุญาตเสนอขายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2559
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม กล่าวว่า ภายหลังจาก ก.ล.ต. อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และแบบแสดงรายการข้อมูลมีผลบังคับใช้แล้ว ที่ปรึกษาทางการเงินและ BCPG จะร่วมกันกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสมในการเสนอขายหุ้น IPO โดยมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์ของ BCPG ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน จะสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน ซึ่งจะทำให้หุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ได้รับความสนใจและตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนแน่นอน
นายวราห์ สุจริตกุล กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายร่วม กล่าวว่า การเสนอขายครั้งนี้ BCPG จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 590 ล้านหุ้น หรือไม่เกินร้อยละ 29.6 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก และเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยจะจัดสรรให้แก่ (1) ผู้ถือหุ้นเดิมของ BCP ตามสัดส่วนการถือหุ้นเพื่อรักษาสิทธิ (Pre-emptive Right) จำนวนไม่เกิน 68.85 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 11.69 ของจำนวนหุ้น IPO และ (2) ส่วนที่เหลือจะจัดสรรให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไป โดยหากในกรณีที่ยังคงมีหุ้นเหลือจากการจัดสรร Pre-emptive Rights BCPG จะนำหุ้นส่วนที่เหลือดังกล่าวทั้งหมดไปรวมจัดสรรเพื่อเสนอขายต่อประชาชนเป็นการทั่วไปตามส่วนที่ (2) ปัจจุบัน BCPG มีทุนจดทะเบียน 10,000 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 5 บาท โดยทุนที่ออกจำหน่าย และชำระแล้วทั้งหมดมีจำนวน1,400 ล้านหุ้น
ทั้งนี้ BCPG เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน รวมถึงลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิต และจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งใน และต่างประเทศ โดยเป็นการลงทุนผ่าน BCPG และบริษัทย่อย รวมทั้งสิ้น 50 บริษัท แบ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทย จำนวน 8 บริษัท และบริษัทที่จดทะเบียนในต่างประเทศอีก 42 บริษัท ซึ่งประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่ง BCPG มีแผนนำเงินส่วนหนึ่งที่ได้จากการระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ ไปใช้ขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งใน และต่างประเทศ ส่วนที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินต่อไป