ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Ratings) ของสถาบันการเงินไทย 9 แห่ง ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBank) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB) บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) (EB) และบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (MBKET) ได้รับการปรับเพิ่มอันดับภายในประเทศระยะยาวเป็น AA+(tha) จาก AA(tha)
รวมทั้ง บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KS) บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) และบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด (CIMBS) ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวเป็น AA(tha) จาก AA-(tha)
โดย BBL KBank SCB KS SCBS CIMBT และ CIMBS ยังคงมี “แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ” ส่วน EB และ MBKET ยังคงมี “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ” เช่นกัน
นอกจากนี้ ฟิทช์ ได้ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ที่ AAA(tha) และปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพจากเดิมแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ
ทั้งนี้ การประกาศอันดับเครดิตภายในประเทศเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ประเทศไทยถูกปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว (Long-Term Local Currency Issuer Default Rating) (ตามรายงาน “Fitch Reviews Thailand's Ratings, Applies Criteria Changes” ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2559) ส่งผลให้ฟิทช์ ทำการทบทวนโครงสร้างอันดับเครดิตภายในประเทศของประเทศไทย (หรือ national ratings scale) และความเหมาะสมในเชิงเปรียบเทียบของอันดับเครดิตภายในประเทศของสถาบันทางการเงินในประกาศนี้
อันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL KBank และ SCB สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารซึ่งสะท้อนในอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารที่ “bbb+” และโครงสร้างเครดิตโดยรวม (credit profile) ของธนาคารเมื่อเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตดีที่สุดในประเทศ ซึ่งในกรณีนี้คือรัฐบาลไทย ทั้งนี้ธนาคารทั้ง 3 แห่งอยู่ในกลุ่มธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสหกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ฟิทช์ มองว่า ความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารทั้ง 3 แห่ง ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของประเทศไทยจะถูกปรับลดอันดับลง ดังนั้น จึงส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารทั้ง 3 แห่ง และรัฐบาลไทยมีความแตกต่างในเชิงเปรียบเทียบที่ลดลง
อันดับเครดิตภายในประเทศของ KS และ SCBS อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศของ KBank และ SCB อยู่ 1 อันดับ ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่า บริษัทเหล่านี้มีสถานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่
อันดับเครดิตภายในประเทศของ BAY EB MBKET CIMBT และ CIMBS สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ หรือกลุ่มที่อยู่ในต่างประเทศ ฟิทช์ เชื่อว่า สถาบันการเงินเหล่านี้เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่ และกลุ่ม เนื่องจากจากการที่บริษัทแม่ หรือกลุ่มมีอำนาจควบคุมการบริหารงาน การเชื่อมโยงการดำเนินงานอย่างสอดคล้องกันกับกลุ่มในระดับสูง (integration) และการให้การสนับสนุนที่ผ่านมาในอดีต แก่บริษัทลูกเหล่านี้ทั้งในด้านการดำเนินงาน และการเงิน
และการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตของ BAY สะท้อนว่า การปรับลดอันดับเครดิตของธนาคารแม่ ซึ่งคือ Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ, Ltd. (BTMU; A/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ) อาจไม่ส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ BAY ต้องถูกปรับลดอันดับเครดิตในทันที (ในกรณีที่โครงสร้างเครดิตโดยรวมของประเทศไทยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง)
รวมทั้ง บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KS) บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT) และบริษัทหลักทรัพย์ ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด (CIMBS) ได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวเป็น AA(tha) จาก AA-(tha)
โดย BBL KBank SCB KS SCBS CIMBT และ CIMBS ยังคงมี “แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ” ส่วน EB และ MBKET ยังคงมี “แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ” เช่นกัน
นอกจากนี้ ฟิทช์ ได้ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY ที่ AAA(tha) และปรับแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นมีเสถียรภาพจากเดิมแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ
ทั้งนี้ การประกาศอันดับเครดิตภายในประเทศเป็นผลสืบเนื่องมาจากการที่ประเทศไทยถูกปรับลดอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว (Long-Term Local Currency Issuer Default Rating) (ตามรายงาน “Fitch Reviews Thailand's Ratings, Applies Criteria Changes” ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2559) ส่งผลให้ฟิทช์ ทำการทบทวนโครงสร้างอันดับเครดิตภายในประเทศของประเทศไทย (หรือ national ratings scale) และความเหมาะสมในเชิงเปรียบเทียบของอันดับเครดิตภายในประเทศของสถาบันทางการเงินในประกาศนี้
อันดับเครดิตภายในประเทศของ BBL KBank และ SCB สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารซึ่งสะท้อนในอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารที่ “bbb+” และโครงสร้างเครดิตโดยรวม (credit profile) ของธนาคารเมื่อเปรียบเทียบกับอันดับเครดิตดีที่สุดในประเทศ ซึ่งในกรณีนี้คือรัฐบาลไทย ทั้งนี้ธนาคารทั้ง 3 แห่งอยู่ในกลุ่มธนาคารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสหกรรมมาอย่างต่อเนื่อง ฟิทช์ มองว่า ความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคารทั้ง 3 แห่ง ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง แม้ว่าอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของประเทศไทยจะถูกปรับลดอันดับลง ดังนั้น จึงส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศของธนาคารทั้ง 3 แห่ง และรัฐบาลไทยมีความแตกต่างในเชิงเปรียบเทียบที่ลดลง
อันดับเครดิตภายในประเทศของ KS และ SCBS อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศของ KBank และ SCB อยู่ 1 อันดับ ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่า บริษัทเหล่านี้มีสถานะเป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่
อันดับเครดิตภายในประเทศของ BAY EB MBKET CIMBT และ CIMBS สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทเหล่านี้จะได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ หรือกลุ่มที่อยู่ในต่างประเทศ ฟิทช์ เชื่อว่า สถาบันการเงินเหล่านี้เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่ และกลุ่ม เนื่องจากจากการที่บริษัทแม่ หรือกลุ่มมีอำนาจควบคุมการบริหารงาน การเชื่อมโยงการดำเนินงานอย่างสอดคล้องกันกับกลุ่มในระดับสูง (integration) และการให้การสนับสนุนที่ผ่านมาในอดีต แก่บริษัทลูกเหล่านี้ทั้งในด้านการดำเนินงาน และการเงิน
และการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มอันดับเครดิตของ BAY สะท้อนว่า การปรับลดอันดับเครดิตของธนาคารแม่ ซึ่งคือ Bank of Tokyo-Mitsubishi UFJ, Ltd. (BTMU; A/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ) อาจไม่ส่งผลให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ BAY ต้องถูกปรับลดอันดับเครดิตในทันที (ในกรณีที่โครงสร้างเครดิตโดยรวมของประเทศไทยไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง)