บล.เคทีบี ชี้แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวบวกขึ้นอีก แนะนักลงทุนระวังแรงเทขายออกมา พร้อมแนะจับตาการปรับลงราคาการซื้อขายพลังงานในตลาดหลักของโลกลง ส่อเค้าเกิดสงครามด้านราคาพลังงานน้ำมันระหว่าง OPEC และกลุ่มผู้ผลิตนอก อาจส่อเค้าลุกลามถึงกลุ่มอุตฯ ที่เกี่ยวข้องทั้งในยุโรป และออสเตรเลีย
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ KTBST กล่าวว่า จากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ-ยุโรป ที่มักจะชี้นำตลาดหุ้นอื่นๆ ลดระดับการบวกมาหลายวันติดต่อกัน จากปัจจัยลบที่ทยอยเข้ามาในตลาด ทั้งตัวเลข GDP ของสหรัฐฯ ราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง และคืนที่ผ่านมา โบรกเกอร์รายใหญ่ (Goldman Sachs) ออกมาลดระดับ (downgrade) ตลาดหุ้นทั้งสองแห่ง เราจึงมองเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งของตลาดหุ้นทั่วโลก หลังดัชนี Bloomberg World Index ซึ่งเป็นตัวชี้วัดราคาหุ้นในทุกตลาดนั้น สูงขึ้นถึง 3.9% ในเดือนที่ผ่านมา ส่วนราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงมาที่ 40 เหรียญสหรัฐ แต่ราคาน้ำมันดิบ Dubai นั้น ปรับตัวลงมาปิดที่ 39 เหรียญสหรัฐ เป็นครั้งแรกที่ต่ำกว่าระดับ 40 เหรียญสหรัฐ นับตั้งแต่ 20 เม.ย.59 เป็นต้นมา การปรับลดราคาขายน้ำมันของซาอุฯ ตัวเลขการผลิตน้ำมันดิบกลุ่ม OPEC ที่สูงขึ้น เป็นสัญญาณว่า สงครามด้านราคาน้ำมันระหว่าง OPEC และกลุ่มผู้ผลิตนอก OPEC กำลังประทุขึ้นมาอีกครั้ง การปรับฐานของราคาน้ำมันดิบจาก 45-50 เหรียญสหรัฐ เป็น 40-45 เหรียญสหรัฐ หรืออาจลงไปต่ำกว่านั้น ไม่เพียงจะเป็นลบต่อผู้ผลิตน้ำมัน แต่จะเป็นลบมาถึงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ตัวอื่นๆ ลามไปถึงตลาดหุ้นหลายๆประเทศ (ยุโรป+ออสเตรเลีย) ที่มีหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัฑณ์ในตลาดในสัดสวนที่สูง ดังนั้น การร่วงลงของราคาน้ำมันจะกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก (ตลาดหุ้นชอบราคาน้ำมันสูงขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง)
ขณะที่ในส่วนของปัจจัยภายในประเทศนั้น มองว่า การประชุม ครม.ว่าด้วยเรื่องการให้เงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 3/2559 ว่า เริ่มกระเตื้องขึ้น จากการที่นักลงทุนต่างประเทศยังคงมีการซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทย ส่วนทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ (2 ส.ค.) ปัจจัยลบจากต่างประเทศทั้งแนวโน้มตลาดหุ้นจะปรับตัวบวกขึัน ขณะที่ราคาน้ำมันจะมีทิศทางอ่อนตัวลง ซึ่งส่งผลต่อตลาดค่อนข้างมาก และการร่วงลงของดัชนีฯ มาต่ำกว่าระดับ 1,521 จุด เป็นสัญญาณลบในทางเทคนิค
อย่างไรก็ตาม คาดว่าดัชนี SET Index ในวันนี้จึงมีแนวโน้มอ่อนตัวลง ปัจจัยที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นในระหว่างวัน คือ การเปิดเผยรายละเอียดของแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลญี่ปุ่น วงเงิน 28 ล้านล้านเยน หากนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะดีขึ้น จะเป็นบวกกับตลาด (เงินเยนน่าจะอ่อนค่าลง) ส่วนประเด็นการลงประชามติในวันอาทิตย์นี้ (7 ส.ค.) เราคาดว่า จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนมีการชะลอการลงทุนลง
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน มองว่าตลาดยังมีแรงขายหุ้นต่อ ทำให้ภาพของตลาดเข้าสู่การปรับฐาน นักลงทุนควรรอดูทิศทางตลาดก่อนตัวสินใจ และควรพร้อมขายถ้าดัชนีฯ มีการไหลลงต่อเนื่อง แต่ถึงแม้ว่า ดัชนีฯ จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาก็ตาม เราแนะนำให้ชะลอการซื้อหุ้นหากทิศทางยังไม่ชัดเจนว่าขึ้นต่อเนื่องได้หรือไม่ สำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้นๆ หุ้นที่คาดว่า จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ประกอบด้วย GUNKUL, MC มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,505-1,526 จุด
