เหตุกระแสธุรกิจการบริหารความมั่งคั่ง (Wealth management) เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินที่มีความรู้ ความเข้าใจด้านเทคโนโลยีน้อยที่สุด และยังตามหลังอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่บริการทางการเงิน โดยเพียง 1 ใน 4 ของผู้จัดการความมั่งคั่งที่สำรวจพบ มีการนำเสนอบริการผ่านช่องทางดิทิตอลอื่นให้แก่ลูกค้านอกเหนือจากบริการทางอีเมล สวนทางต่อความต้องการทางเทคโนโลยีของกลุ่มลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูง
อีกทั้งความต้องการในการใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องต่อการเงินของผู้มีความมั่งคั่งสูงที่มีอายุมากและน้อยไม่ได้แตกต่างกัน เว้นแต่กลุ่มลูกค้าที่อายุต่ำกว่า 45 ปี ที่มีความสนใจในการบริหารจัดการเงินลงทุนผ่านทางออนไลน์มากกว่ากลุ่มที่มีอายุมากกว่า
อย่างไรก็ดี 55% ของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งทั่วโลกและ 62% ในเอเชียเห็นตรงกันว่า การนำเสนอบริการด้านดิจิตอลเป็นสิ่งสำคัญที่ที่ปรึกษาทางการเงิน (Financial advisor) หรือผู้จัดการความมั่งคั่งต้องมอบให้แก่ลูกค้า
ขณะเดียวกัน เทรนด์ความต้องการใช้เทคโนโลยีในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุนแบบอัตโนมัติ เช่น หุ่นยนต์ที่ปรึกษาการลงทุน (Robo-advisor) ในหมู่ผู้มีสินทรัพย์สูงปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมากกว่าหนึ่งในสามของกลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูงในเอเชียที่ยังไม่เคยใช้บริการประเภทนี้มาก่อน มีความพร้อมที่จะลองใช้งานหุ่นยนต์ที่ปรึกษาการลงทุนในอนาคต
อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการในธุรกิจบริหารความมั่งคั่งส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักว่า เทคโนโลยีที่พวกเขาใช้อยู่ในปัจจุบันยังล้าสมัย และไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า โดยบางรายประเมินขีดความสามารถด้านดิจิตอลของตัวเองสูงเกินไป
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทบริหารความมั่งคั่งบางแห่งในไทยเริ่มปรับตัวในการนำเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูงมาใช้ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า แต่ในภาพรวม อุตสาหกรรมนี้ยังต้องการการปรับตัวในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีซึ่งยังอยู่ในขั้นเริ่มต้น โดยผู้เล่นที่ไม่ปรับตัวหรือตอบโจทย์เทรนด์การเติบโตด้านนี้ไม่ได้ก็จะแข่งขันได้ยาก และเสี่ยงต่อการสูญเสียส่วนแบ่งตลาดได้ในที่สุด
