หุ้น “บิสซิเนสอะไลเม้นท์” ขายไอพีโอหมดเกลี้ยง 100 ล้านหุ้น APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.ฟิลลิปอันเดอร์ไรท์ฯ ชี้เป็นสัญญาณบวกหลังนักลงทุนแห่จองซื้อเพียบ ระบุเป็นผลจากปัจจัยพื้นฐานแน่นปึ้ก อีกทั้งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีรักษาแบบครบวงจร ครองมาร์เกตแชร์อันดับหนึ่งของเมืองไทย ทำให้นักลงทุนมองเห็นการเติบโต กำหนดฤกษ์ดีเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 28 ก.ค.นี้ เชื่อไม่ทำให้นักลงทุนผิดหวัง
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ สายงานวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIZ เปิดเผยถึงผลการเปิดจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 100 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 2.90 บาท ระหว่างวันที่ 20-22 กรกฎาคมที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากนักลงทุนในการจองซื้อหุ้น IPO เป็นอย่างดี มีผู้สนใจจองซื้อหุ้นของ BIZ เข้ามาเป็นจำนวนมาก สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในธุรกิจของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี
“ต้องขอบคุณนักลงทุนที่ให้ความเชื่อมั่น BIZ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการเปิดจองซื้อหุ้นไอพีโอในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่นักลงทุนมีต่อหุ้น BIZ ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัทที่แข็งแกร่ง และด้วยบริษัทเป็นหุ้นในกลุ่มเครื่องมือทางการแพทย์เฉพาะทาง โดยเป็นผู้นำตลาดในด้านการให้บริการแบบครบวงจร (Solution Provider) เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ในการรักษาโรคมะเร็งด้วยรังสีรักษา ซึ่งด้วยจุดเด่นดังกล่าวทำให้ BIZ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี ประกอบกับแนวโน้มของตลาดดังกล่าว ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง และการกำหนดราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน ผมจึงเชื่อมั่นว่า เมื่อหุ้น BIZ เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 28 กรกฏาคมนี้ จะสามารถให้ผลตอบแทนที่ดีแก่นักลงทุน” นายวิชา กล่าว
นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า สาเหตุที่ BIZ ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน เป็นเพราะปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของบริษัท และนักลงทุนมีความมั่นใจในศักยภาพการเติบโตของบริษัทฯ ที่มีโอกาสขยายตัวได้อีก ซึ่งเริ่มเห็นสัญญาณบวกมาตั้งแต่การไปโรดโชว์นำเสนอข้อมูลให้กับนักลงทุน 11 จังหวัดทั่วประเทศ และตามห้องค้าหลักทรัพย์ต่างๆ ปรากฏว่านักลงทุนต่างให้ความสนใจเข้าร่วมรับฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก อีกทั้งในช่วงเปิดจองซื้อหุ้นก็ยิ่งตอกย้ำความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ BIZ มากยิ่งขึ้น
“BIZ ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีความน่าสนใจในการลงทุนอย่างมาก ด้วยจุดเด่นในการเป็นผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะทางใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยมีประสบการณ์ด้านเครื่องมือแพทย์มายาวนานกว่า 15 ปี ประกอบกับมีผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ และความเข้าใจในผลิตภัณฑ์เป็นอย่างมาก ทำให้สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้เป็นอย่างดี โดยจากปัจจัยดังกล่าวทำให้ BIZ ได้รับการตอบรับที่ดี ซึ่งต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความเชื่อมั่นในหุ้น BIZ” นายเสกสรรค์ กล่าว
นายสมพงษ์ ชื่นกิติญานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิสซิเนสอะไลเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (BIZ) ซึ่งเป็นผู้นำในการเป็นตัวแทนนำเข้า จำหน่าย ติดตั้ง และการให้บริการดูแล และซ่อมบำรุงเครื่องมือแพทย์ โดยเน้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีรังสีรักษาเป็นหลัก กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณนักลงทุนทุกท่านเป็นอย่างมากที่ให้ความสนใจกับหุ้นของ BIZ หลังจากเปิดจองซื้อในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับดีเกินคาด
สำหรับเม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องทางการเงินที่ดีขึ้น เพื่อนำไปใช้รองรับการรับงานใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบัน ผู้ป่วยโรคมะเร็งเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะที่เครื่องฉายรังสีมีจำนวนไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ปัจจุบัน บริษัทฯ มีงานในมือกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ ประมาณ 80-90% จากมูลค่างานทั้งหมด
สำหรับกลุ่มลูกค้าของบริษัทฯ ส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่ ทั้งภาครัฐ และเอกชนในประเทศ อาทิ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี และคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นต้น
“ตลาดเครื่องฉายรังสียังมีความต้องการใช้เป็นจำนวนมาก เพื่อตอบสนองการใช้งาน และรองรับผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม ซึ่งจากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก (WHO) คาดการณ์ว่า จำนวนผู้ป่วยโรคมะเร็งของไทยในปี 2558 มีอยู่กว่า 130,000 ราย และครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ป่วยนี้มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการรักษาด้วยการฉายรังสี หรือที่ประมาณ 65,000 ราย ขณะที่เครื่องฉายรังสีสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยได้ประมาณ 400-500 ราย/เครื่อง/ปี ดังนั้น จำนวนเครื่องฉายรังสีขั้นต่ำที่จะสามารถตอบสนองต่อความต้องการได้เพียงพอจะอยู่ที่ประมาณ 165 เครื่อง (บนฐานจำนวนผู้ป่วยในปี 2558) แต่ปัจจุบันมีจำนวนเครื่องฉายในรูปแบบของเครื่องเร่งอนุภาคมีเพียง 70 กว่าเครื่องเท่านั้น” นายสมพงษ์ กล่าว