KTBST คาดแนวโน้ม SET ยังไปได้ต่อเนื่อง โดยมีปัจจัยหนุนจากต่างประเทศ ส่วนปัจจัยภายในประเทศ ได้แรงหนุนจากผลประกอบการ Q2 ที่ออกมาดี ลุ้นธนาคารกลางใหญ่อัดฉีดเงิน แนะจับตาแรงซื้อหุ้นบิ๊กแคปหลัก
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ตลาดต่างประเทศได้แรงหนุนจากผลประกอบการไตรมาสที่สอง ที่ออกมาดีของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ซึ่งเป็นวันที่บริษัทขนาดใหญ่ทั้งภาคการเงิน และเทคโนโลยีนำส่งงบการเงิน รวมทั้งการรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลง 2.3 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเล็กน้อย
นอกจากนี้ ธนาคารกลางอังกฤษที่มีการรายงานว่า หลังจากมีการโหวตของอังกฤษที่จะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แล้วไม่มีสัญญาณชะลอตัวทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร น่าจะเป็นบวกต่อตลาดหุ้นอีกทางหนึ่ง โดยรวมแล้วน้ำหนักของปัจจัยต่างประเทศส่วนใหญ่ชี้ไปในทางบวกต่อตลาดหุ้นไทย
ขณะที่ธนาคารกลางใหญ่ 2 แห่ง ที่ตลาดกำลังให้ความสนใจ คือ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในสัปดาห์หน้าวันที่ 29 ก.ค.ว่า จะมีการเพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจเป็น 2.0 ล้านล้านเยน สูงขึ้นจากที่ประมาณไว้ครั้งแรก 1 เท่าตัว ช่วยกดค่าเงินเยน และหนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นพุ่งขึ้นเช้านี้
ขณะที่การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) เย็นวันนี้ (21 ก.ค.) อาจได้รับข่าวบวก หากมีการขยายเวลาการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงิน 8.0 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ออกไปอีกตามคาดการณ์ ก็จะทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มสูงขึ้น ลดความกังวลในเรื่องการขาดสภาพคล่องลงไประดับหนึ่ง เป็นเหตุที่จะทำให้กระแสเงินทุนจากต่างประเทศยังอยู่อยู่ในระดับสูง และไม่เคลื่อนย้ายเร็วนัก
ส่วนปัจจัยในประเทศในวันนี้ มองว่าผลการดำเนินงานหุ้นกลุ่มธนาคาร มีบางตัวต่ำกว่าที่ตลาดคาด อาจมีผลกระทบต่อราคาหุ้นเหล่านี้ได้ ซึ่งทาง KTBST ประเมินว่า ภาพรวมของตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจจัยบวกเข้ามาในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง โดยยังคงให้น้ำหนักกับเรื่องของเงินทุนไหลเข้า (Fund Flow) ที่เข้ามาซื้อหุ้นตัวหลักๆ ของแต่ละกลุ่มต่อเนื่องจากวันก่อน ซึ่งจะทำให้ดัชนีในวันนี้มีโอกาสเดินหน้าต่อจากวันก่อน
โดยกลยุทธ์การลงทุนนั้น จากการที่ดัชนีฯ ผ่านระดับ 1,500 จุด ขึ้นมาได้พร้อมด้วยแรงซื้อหุ้นที่หนาแน่น อีกทั้งยังไม่มีข่าวลบเข้ามาในตลาด ทำให้ตลาดยังมีแรงส่งให้เดินหน้าต่อ โดยยังให้น้ำหนักกับหุ้นตัวหลักๆ ที่เป็นเป้าหมายของนักลงทุนต่างประเทศ และสถาบัน โดยหุ้นที่คาดว่า จะได้รับความสนใจจากนักลงทุน ประกอบด้วย PTT KCE BLA BA มองกรอบดัชนีการลงทุนวันนี้ที่ 1,500-1,518 จุด
ส่วนหุ้นที่น่าสนใจนั้น คือ INTUCH (ราคาปิด 60.00 บาท; ราคาที่เหมาะสมจาก KTBST 62.30 บาท) โดย INTUCH มีจุดเด่นด้านเงินปันผลที่สูง และสม่ำเสมอ จากข้อมูล 10 ปีย้อนหลัง INTUCH ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยสูงถึง 8.44% ต่อปี ในปีนี้คาดว่าจะจ่ายเงินปันผลได้ในอัตรา 3.36 บาท/หุ้น หรือคิดเป็น Dividend Yield 5.6% ซึ่งถือเป็นระดับที่น่าสนใจ
อย่างไรก็ตาม ADVANC และ THCOM ยังขาดปัจจัยระยะสั้นที่จะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นในเวลาสั้น สำหรับ ADVANC (INTUCH ถือหุ้น 40%) มองว่าจะสามารถเติบโตได้ดีกว่าที่คาดในปีนี้ จากการที่บริษัทฯประมูลคลื่น 900 MHz ได้ทำให้สามารถให้บริการคลื่น 2G ได้ รวมถึงภาระค่าใช้จ่าย Handset Subsidy น้อยกว่าคาด แต่กำไรสุทธิคาดว่าจะหดตัวลงจากปีก่อนจากภาวะการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่รุนแรง และปัจจุบัน ADVANC อยู่ระหว่างเจรจาขอเช่าคลื่น และ Joint Venture กับ TOT ซึ่งอยู่ระหว่างการให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายปีนี้
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงาน THCOM (INTUCH ถือหุ้น 41%) ในปีนี้ มองว่าเจอแรงกดดันจากการยกเลิกสัญญาของ CTH ข่าวการปรับสัญญาเป็นระบบสัมปทานกระทบ sentiment ในเชิงลบ ในขณะที่ยอด Presale ของดาวเทียม THCOM 8 อยู่ที่ระดับ 19% ซึ่งต่ำกว่าจุด Break Even ที่ 30% แต่ทางบริษัทยังคงตั้งเป้ายอด Presale ทั้งปีที่ 50%