xs
xsm
sm
md
lg

เผยหุ้นหลัก 2 กลุ่มเป็นเป้าหมายเม็ดเงินไหลเข้า และการโยกเม็ดเงินฝาก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.ทรีนีตี้ ประเมิน SET ครึ่งหลังเดือน ก.ค.ยังลงทุนได้ แต่มีอัปไซด์จำกัด เพราะชนเป้า 1,500 จุด แนะเลือกลงทุนรายตัว แนะจับตาบีโอเจออกมาตรการกระตุ้น ศก.อาจช่วยหนุนหุ้น 2 กลุ่มของเป้าหมายหลักเม็ดเงินไหลเข้า ส่วนในประเทศคาดเม็ดเงินฝากที่ต้องการแสวงหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นตามปรากฏการณ์ Searching For Yield ที่จะโยกมาลงทุนในหุ้นเช่นกัน

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวถึงภาพรวมการลงทุนในช่วงครึ่งหลังของเดือน ก.ค.59 โดยระบุว่า ขณะนี้ดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ในช่วงการปรับขึ้น (Upside) แต่ก็เริ่มจำกัดหลังดัชนีปรับชนเป้าหมายไตรมาส 3/59 ที่ระดับ 1,500 จุด แต่บรรยากาศการลงทุนยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกของเดือน ก.ค. และมองว่ายังสามารถลงทุนในตลาดหุ้นไทยได้ โดยจะต้องเลือกลงทุนเป็นรายบริษัท หรือรายอุตสาหกรรมมากขึ้น

โดยในส่วนของปัจจัยส่งเสริมการลงทุนที่จะเข้ามากระตุ้นในช่วงปลายเดือน ก.ค.จะมาจากแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 28-29 ก.ค.59 ซึ่งประเมินว่ามีโอกาสสูงที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม เนื่องจากระดับเงินเฟ้อญี่ปุ่นกลับมาหดตัวมากขึ้น หลังจากเงินเยนมีการแข็งค่าในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้ ประเมินทางเลือกของ BOJ ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ การเพิ่มวงเงินเข้าซื้อตราสาร ETF/REIT หรือการปล่อยกู้โดยตรงให้กับสถาบันการเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยติดลบคล้ายกับโครงการ LTRO ของธนาคารกลางยุโรป

“หาก BOJ มีการออกมาตรการเพิ่มเติมจริง มองกลุ่มสื่อสาร และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ น่าจะเป็นเป้าหมายหลักของเม็ดเงินที่จะไหลเข้า เนื่องจากทั้ง 2 กลุ่มถือว่ามีมูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ขนาดใหญ่ และมีระดับอัตราการจ่ายเงินปันผล (Dividend Yield) ที่สูง นอกจากนั้น หุ้นทั้ง 2 กลุ่มยังมีการปรับตัวขึ้นของราคาที่น้อยกว่าตลาด (Laggard) เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมขนาดใหญ่อื่น อาทิ พลังงาน ค้าปลีก และขนส่ง เป็นต้น”

นายณัฐชาต กล่าวว่า หากมองเม็ดเงินในประเทศ ก็เชื่อว่าจะมีบางส่วนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดเงินจากระบบเงินฝากที่ต้องการแสวงหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้นตามปรากฏการณ์ Searching For Yield ที่จะโยกมาลงทุนในหุ้นกลุ่มสื่อสาร และพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยเช่นกัน

ดังนั้น ให้คำแนะนำ “ซื้อ” ADVANC ที่ราคาพื้นฐาน 176 บาท คาดผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 2/59 จะอยู่ที่ 10,680 ล้านบาท สำหรับครึ่งปีหลังกำไรน่าจะยังทรงตัวในระดับ 9,000-10,000 ล้านบาทต่อไตรมาส โดยถึงแม้จะมีค่าเสื่อมจากการตัดค่าตัดจำหน่ายใบอนุญาต 900 MHz แต่น่าจะถูกชดเชยด้วย Regulatory cost และค่าใช้จ่าย Handset Subsidies ที่ลดลงหลังจากได้คลื่น 900 MHz มาใช้งานต่อ

สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ แนะนำ “ซื้อ” AP ที่ราคาพื้นฐาน 9.20 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันยังคงค่อนข้างถูก โดยซื้อขายที่ระดับ P/BV เพียง 1.0 เท่า และระดับ P/E เพียง 6.5 เท่า พร้อมทั้งจ่ายเงินปันผลสูงถึง 5% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่ม คาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 จะเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มกว่า 30% จากการรับรู้กำไรของโครงการร่วมทุน (JV) กับบริษัทญี่ปุ่น
กำลังโหลดความคิดเห็น