แอร์โรว์ ซินดิเคท ทุ่มงบ 37 ล้านบาท เนรมิตโรงงานผลิตท่อร้อยสายไฟใต้ดิน (RTRC) แห่งที่ 2 บนพื้นที่ 7 ไร่ เตรียมพร้อมขยายกำลังการผลิตท่อกันน้ำร้อยสายไฟ เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่มีแนวโน้มเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี หนุนกำลังการผลิตท่อร้อยสายไฟฟ้าทั้ง 2 ชนิดเพิ่มขึ้นประมาณ 50% “ธานินทร์ ตันประวัติ” มั่นใจท่อ RTRC จะเป็นพระเอกที่หนุนรายได้ในอนาคตพุ่ง พร้อมย้ำรายได้ปีนี้โตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ARROW) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ทุ่มงบประมาณ 37 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานผลิตท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน ชนิดท่อ RTRC (Reinforced Thermosetting Resin Conduit) แห่งที่ 2 บนพื้นที่ 7 ไร่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และรองรับความต้องการของตลาดท่อร้อยสายไฟใต้ดินที่มีแนวโน้มขยายตัวอยู่ในทิศทางที่ดี ตามโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นระบบสายไฟฟ้าใต้ดินจากภาครัฐ เพื่อรองรับการเป็นมหานครแห่งอาเซียน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ และกำหนดแล้วเสร็จปลายปีนี้
“หลังจากที่โรงงานผลิตท่อ RTRC แห่งที่ 1 บนพื้นที่ 3,500 ตารางเมตร ได้เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ไปแล้วช่วงต้นปีที่ผ่านมา และในเดือนกรกฎาคมนี้จะดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมบนพื้นที่ 7 ไร่ ซึ่งทั้ง 2 โรงงาน จะช่วยเสริมกำลังการผลิตในส่วนงานท่อร้อยสายไฟได้ประมาณ 20% เนื่องจากเครื่องจักรมาพร้อมกับประสิทธิภาพในการผลิตที่ค่อนข้างสูง จึงทำให้สามารถรองรับความต้องการงานจากภาครัฐ และรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้อย่างเต็มที่ และถือเป็นกำลังสำคัญในการผลักดันผลประกอบการของ ARROW ให้ขยายตัวมากยิ่งขึ้นในอนาคต รวมถึงช่วยเสริมศักยภาพด้านการแข่งขันด้วย ที่สำคัญทำให้รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี” นายธานินทร์ กล่าว
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ ยังคงเน้นขยายธุรกิจงานท่อร้อยสายไฟ ท่อกันน้ำ และท่อร้อยสายไฟใต้ดินตามความต้องที่เพิ่มสูงขึ้น และยังคงเน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นหลัก รวมถึงการลดต้นทุนในการผลิต เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-30% โดยเชื่อว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัทในครึ่งปีหลังจะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะพยายามรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานให้แข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่ และผลักดันรายได้ให้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ คือ ไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท โดยขณะนี้มีงานอยู่ในมือ (Backlog) ประมาณ 240 ล้านบาท และยังเตรียมหางานใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง
“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ จะยังคงทำผลงานให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมายมุ่งเน้นลดต้นทุนในการผลิต และหางานใหม่ๆ ทั้งจากภาครัฐ และเอกชนเข้ามาเติม เพื่อต่อยอดงานในมือ (Backlog) ให้เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งน่าจะทำให้รายได้ปีนี้เติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ได้” นายธานินทร์ กล่าว