แอร์โรว์ ซินดิเคท กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 65.24% เมื่อเทียบกับปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 148.41 ล้านบาท บอร์ดเอาใจผู้ถือหุ้นสุดๆ ลุยจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 58 เพิ่มอีกหุ้นละ 0.40 บาท ผู้บริหารมั่นใจปีนี้ทำผลงานโตต่อเนื่อง เดินหน้ารับงานใหม่จากภาครัฐ และเอกชนเพิ่มมากขึ้น รวมถึงขยายตลาดใน และต่างประเทศสร้างความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ พร้อมตั้งเป้ารายได้โตไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ ARROW เปิดเผยถึงผลประกอบการงวดปี 2558 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 245.24 ล้านบาท เพิ่มจากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 148.41 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 65.24% ผลจากรายได้จากการขาย และบริการเพิ่มขึ้นจาก 1,004.39 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 1,209.78 ล้านบาท ในปี 2558 หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 20.45% เนื่องจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มจาก 269.53 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 407.66 ล้านบาท ในปี 2558 หรือคิดเป็นอัตราการเพิ่มขึ้น 51.25 จากผลการดำเนินงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าว
การประชุมบอร์ด ครั้งที่ 1/2559 จึงได้มีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งหลังปี 2558 ให้แก่ผู้ถือหุ้นเป็นเงินสดเพิ่มอีกในอัตราหุ้นละ 0.40 บาท จำนวน 251,065,004 หุ้น รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น จำนวน 138,085,752.20 บาท ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท รวมจ่ายเงินปันผลงวดปี 2558 ในอัตรา 0.55 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดให้ผู้ถือหุ้นที่จะมีชื่อปรากฏ ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 4 พฤษภาคม 2559 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2551 โดยประกาศปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 9 พฤษภาคม 2559 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 29 เมษายน 2559 และกำหนดวันจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 19 พฤษภาคม 2559
“ผลการดำเนินงานที่ออกมานั้นถือว่าเป็นไปตามคาด หลังจากที่บริษัทฯ ได้เดินตามแนวทาง ธุรกิจที่ได้วางไว้ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเดิม รวมทั้งเดินหน้ารับงานใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นจากภาครัฐ และเอกชน รวมถึงขยายตลาดต่างประเทศเพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งให้บริษัทมากยิ่งขึ้น และต่อจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งขยายธุรกิจในทุกภส่วนให้ขยายตัว โดยคาดว่าจะได้แรงหนุนจากงานภาครัฐอย่างงานเมกะโปรเจกต์ที่ชัดเจนขึ้น ส่วนต่างประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง” นายธานินทร์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้บริษัทฯ ยังคงเน้นขยายธุรกิจงานท่อร้อยสายไฟ ท่อกันน้ำ และท่อร้อยสายไฟใต้ดิน เนื่องจากยังมีทิศทางเติบโตอย่างต่อเนื่องตามความต้องที่เพิ่มสูงขึ้น โดยตั้งเป้ามาร์เกตแชร์ท่อร้อยสายไฟภายในประเทศแตะที่ระดับ 65% จากปัจจุบันอยู่ที่ 55% และยังคงเน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นหลัก พร้อมตั้งเป้ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา