“ธานินทร์ ตันประวัติ” เผยภาพรวมธุรกิจ “แอร์โรว์ ซินดิเคท” ครึ่งปีหลังยังขยายตัวได้ดีตามภาคอุตสาหกรรมการก่อสร้างในอาคารที่ยังถูกผลักดันอย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำยังมุ่งหน้าเจาะตลาดใหม่ๆ เพิ่มทั้งใน และต่างประเทศ หนุนรายได้ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท พร้อมโชว์ฟอร์มเจ๋ง! ทำผลงานไตรมาส 1/59 กำไรแตะ 69.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 62.16 ล้านบาท เหตุบริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายธานินทร์ ตันประวัติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอร์โรว์ ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) (ARROW) เปิดเผยถึงแนวโน้มธุรกิจของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังว่า จะยังคงขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ซึ่งบริษัทจะพยายามรักษาอัตราการเติบโตของผลการดำเนินงานให้แข็งแกร่งมากกว่าที่เป็นอยู่ โดยจะเน้นขยายธุรกิจงานท่อร้อยสายไฟ ท่อกันน้ำ และท่อร้อยสายไฟใต้ดินตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น และยังคงเน้นเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นหลัก รวมถึงการลดต้นทุนในการผลิตเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 25-30% และผลักดันรายได้ให้เติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ คือ ไม่ต่ำกว่า 1,400 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1/2559 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2559 ของบริษัท และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 69.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 62.16 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 12% เนื่องจากบริษัทสามารถบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในส่วนของต้นทุนขาย และบริการเท่ากับ 197.99 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 217.06 ล้านบาท
ด้านดอกเบี้ยจ่ายลดลงจาก 0.49 ล้านบาท ในงวดเดียวกันของปีก่อนเป็น 0.29 ล้านบาท ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีเงินได้เพิ่มขึ้นเป็น 80.76 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 72.33 ล้านบาท ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 112.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเท่ากับ 97.25% ขณะที่ส่วนของรายได้จากการขาย 297.02 ล้านบาท ใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 303.31 ล้านบาท
“แม้ยอดขายจะปรับตัวลดลงเล็กน้อยตามสภาวะตลาด แต่จากการที่บริษัทสามารถบริหารจัดการต้นทุนทางการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงทำให้กำไรสุทธิไตรมาสแรกปีนี้เติบโตอยู่ในทิศทางที่ดีซึ่งถือว่ามากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และเชื่อว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะยังคงทำผลงานให้ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยมุ่งเน้นลดต้นทุนในการผลิต และหางานใหม่ๆ ทั้งจากภาครัฐ และเอกชนเข้ามาเติมเพื่อต่อยอดงานในมือ (Backlog) ให้เพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ 240 ล้านบาท” นายธานินทร์ กล่าว