“คลัง” อัดโปรฯ จูงใจเอกชนรายใหญ่ช่วยเหลือเอสเอ็มอี และพัฒนาสังคม นำหักค่าใช้จ่ายมาหักลดหย่อนภาษี 1-2 เท่า คาดได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ ยอมรับเอสเอ็มอีในตลาด mai จำนวนกว่า 120 บริษัท ถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศ หากมีการพัฒนาเอสเอ็มอีให้มีประสิทธิภาพเหมือนกับที่อยู่ใน mai ประเทศจะเดินหน้าได้เร็วขึ้น
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แสดงปาฐกถาพิเศษในงาน mai Forum 2016 : มหกรรมรวมพลังคน mai (ปีที่ 3) โดยระบุว่า รัฐบาลให้ความสำคัญต่อธุรกิจเอสเอ็มอี โดยรอบปีที่ผ่านมา ได้อัดฉีดเม็ดเงินเข้าช่วยเหลือเอสเอ็มอี 350,000 ล้านบาท แต่ยังไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงเตรียมจัดมาตรการจูงใจให้ผู้ประกอบการขนาดใหญ่เข้าช่วยเหลือเอสเอ็มอีในการเพิ่มศักยภาพ ทั้งในรูปแบบการให้ความรู้ การบริหารจัดการ การจัดทำบัญชี และการซื้อโปรแกรมเพื่ออัปเกรดการทำบัญชีของบริษัท การเข้ามาค้ำประกันให้แก่เอสเอ็มอี เป็นต้น โดยผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ช่วยเหลือเอสเอ็มอี นำค่าใช้จ่ายการช่วยเหลือมาหักลดหย่อนได้ 1-2 เท่า เช่น หากช่วยเหลือ 10,000 บาท สามารถหักค่าใช้จ่ายได้ 20,000 บาท เพื่อจะได้เป็นกำลังใจในการช่วยเหลือเอสเอ็มอี
นอกจากนี้ หากผู้ประกอบการรายใหญ่ช่วยเหลือภาคสังคม เช่น กินกรรม CSR หรือพัฒนาท้องถิ่น ทำประโยชน์ให้สาธารณะ ก็จะสามารถนำมาหักภาษีได้เช่นกัน ซึ่งมาตรการนี้จะออกมีรายละเอียดที่ชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์นี้ โดยมั่นใจว่า เอกชนจะลงมาช่วยเหลือเอสเอ็มอีจะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะจะช่วยเหลือได้ตรงเป้าหมาย เป็นการลดค่าใช้จ่ายให้รัฐบาลด้วย
ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะฟื้นกองทุนพลิกฟื้นช่วยเอสเอ็มอีที่มีปัญหาหนี้เสีย หรือเครดิตบูโร แต่ยังมีศักยภาพให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 1,000 ล้านบาท เป็นงบจากสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปล่อยกู้รายละไม่เกิน 1 ล้านบาท ไม่คิดดอกเบี้ยระยะเวลา 5-7 ปี คาดว่าจะชัดเจนภายในอีก 2 สัปดาห์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า อยากให้เอสเอ็มอีมีการพัฒนาจนสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาด mai เพราะเป็นเอสเอ็มอีตัวอย่างที่โปร่งใส จากการพัฒนาธุรกิจครอบครัวมาเป็นธุรกิจที่มีการบริหารแบบมืออาชีพ มีมาตรฐาน มีความยั่งยืน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่า เอสเอ็มอีในตลาด mai จำนวนกว่า 120 บริษัท ถือเป็นกำลังสำคัญของประเทศ หากมีการพัฒนาเอสเอ็มอีให้มีประสิทธิภาพเหมือนกับที่อยู่ใน mai ประเทศจะเดินหน้าได้เร็วขึ้น รวมทั้งจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้น และพัฒนาเป็นบริษัทขนาดใหญ่ต่อไป