เป็นที่จับตามองต่อไปว่าผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในระยะต่อไปจะเป็นอย่างไร หลังจากสหราชอาณาจักรมีกำหนดในการทำประชามติ BREXIT กันในวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมาและผลของการทำประชามติบ่งชี้ว่าชาวสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่ต้องการออกจากสหภาพยุโรปหรือ EU ส่งผลให้เกิดความผันผวนต่อตลาดการเงินทั่วโลกเป็นอย่างมาก วันนี้ทาง YLG ได้ประมวลสิ่งที่อาจเกิดขึ้นต่อจากนี้ เพื่อให้นักลงทุนได้ทำความเข้าใจและเตรียมรับมือกับสภาวะความผันผวนที่อาจส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของราคาทองคำต่อไป
ผลกระทบต่อตลาดการเงินโลกเป็นผลกระทบในระยะสั้นๆที่ตอบสนองต่อผลการทำประชามติทันที หลังจากผลของการทำประชามติบ่งชี้ว่าชาวสหราชอาณาจักรส่วนใหญ่ต้องการออกจาก EU ส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้น ขณะที่สกุลเงินยูโรและปอนด์ได้รับผลกระทบหนักสุดเนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า Brexit จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรและ EU โดยเงินปอนด์ร่วงลงถึง 10% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 31 ปี ขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 3 เดือน อย่างไรก็ตามในระยะสั้นๆอาจมีการฟื้นตัวของค่าเงินยูโรและปอนด์รวมทั้งสินทรัพย์เสี่ยงได้บ้าง แต่ในระยะกลางนั้นทองคำน่าจะยังคงได้รับแรงหนุนจากสถานการณ์ยังคงมีความไม่แน่นอนเป็นอย่างมากในอนาคต
ขณะที่ผลกระทบทางเศรษฐกิจต่ออังกฤษและสหภาพยุโรปเป็นสิ่งที่จะต้องจับตาต่อไป โดยหลังผลการลงประชามติ สถาบันจัดอันดับชั้นนำโลก 3 แห่ง ได้แก่ ฟิทช์เรตติ้ง, สแตนดาร์ด แอนด์พัวร์ (เอสแอนด์พี) และมูดี้ส์ ต่างออกมาปรับลดแนวโน้มเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรลง โดยคาดว่า Brexit จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจของอังกฤษและจากนี้ต่อไปอังกฤษอาจประสบปัญหาด้านนโยบายเศรษฐกิจและภาคการคลังอ่อนแอลง หน่วยงานหลายแห่งคาดการณ์ตรงกันว่าเศรษฐกิจอังกฤษหลังออกจากอียูจะเติบโตในอัตราที่เชื่องช้ากว่าในกรณีที่ยังคงอยู่ในอียูต่อไป และ Brexit อาจสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆทั้งในและนอกยุโรปรวมถึงสหรัฐด้วย
นอกจากผลกระทบทางเศรษฐกิจแล้ว ผลกระทบทางการเมืองทั้งในสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรปถือเป็นปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญ จากสภาวะครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพทางการเมืองของสหราชอาณาจักร โดยการลงมติครั้งนี้ชาวสกอตแลนด์ให้การสนับสนุนลงคะแนน 62 ต่อ 38 ต้องการให้อยู่กับ EU ต่อเช่นเดียวกับไอร์แลนด์เหนือที่ต้องการให้อยู่กับ EU ต่อ เมื่อผลออกมาตรงกันข้าม ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า สกอตแลนด์ กับ ไอร์แลนด์เหนือ อาจจะมีการขอแยกตัวออกมาได้สำเร็จ ล่าสุดผู้นำของสก็อตแลนด์ ออกมากล่าวว่า มีแนวโน้มสูงที่สก็อตแลนด์จะจัดทำประชามติครั้งใหม่เพื่อตัดสินว่าจะอยู่ในสหราชอาณาจักรหรือไม่หลังจากที่ผลการนับคะแนนการลงประชามติในสหราชอาณาจักรพบว่าอังกฤษต้องการที่จะแยกตัวจาก EU ขณะที่สก็อตแลนด์ลงประชามติให้อยู่ใน EU ต่อไป
นอกจากนี้ประเทศอื่นๆใน EU เริ่มขาดความเชื่อมั่นใน EU มากขึ้นและอาจมีการประชามติออกจากอียูตามมาในอีกหลายประเทศ อาทิ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศสและอิตาลี สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนทางการเมืองอาจก่อให้เกิดความไร้เสถียรภาพในกลุ่ม EU ซ้ำเติมผลกระทบทางเศรษฐกิจของอังกฤษและ EU ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกได้เช่นกัน
ขณะที่ความไม่แน่นอนจาก Brexit คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดเช่นกัน โดยสัญญาซื้อขายอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่าเทรดเดอร์เริ่มถึงความเป็นไปได้เล็กน้อยที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงและมองเห็นโอกาสน้อยลงที่จะเกิดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกระทั่งปีหน้า ด้านนักเศรษฐศาสตร์จาก Bank of America Merrill Lynch , JPMorgan Chase & Co.และTD Securities ต่างออกมาปรับการคาดการณ์การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดออกไป โดยคาดว่าเฟดจะไม่เคลื่อนไหวใดๆจนถึงเดือนธันวาคมและหลังจากนั้นอาจมีการรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในปีหน้าซึ่งหากเฟดชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปอีกย่อมส่งผลบวกต่อราคาทองคำ แต่สิ่งหนึ่งนักลงทุนทองคำกำลังตั้งข้อสงสัยกันนั้นคือ ราคาทองคำจะเป็นอย่างไรหลังจาก BREXIT โดยในภาวะที่เกิดความไม่แน่นอนทั้งในด้านเศรษฐกิจและการเมืองย่อมส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกแสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อปกป้องมูลค่าเงินลงทุน
ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ อาทิ การคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดจะชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไปก่อน และการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำถึงติดลบจากธนาคารกลางหลายแห่งเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนทองคำในระยะต่อไปอีกด้วย อย่างไรก็ดีราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นค่อนข้างมากอาจเห็นแรงขายทำกำไรระยะสั้นสลับออกมาและเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นทาง YLG ประเมินว่า หากราคาสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,291-1,252 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อย่างแข็งแกร่ง คาดว่าราคาจะค่อยๆขยับทดสอบแนวต้าน 1,345-1,358 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากผ่านได้จะมีแนวต้านถัดไปบริเวณ 1,390 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนควรวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบและไม่ควรลงทุนมากเกิน ความเสี่ยงที่แบกรับได้ อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือควรติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด เนื่องจากสถานการณ์ต่างๆยังไม่แน่นอนนัก ขณะที่กระบวนการในการออกจาก EU ของสหราชอาณาจักรมีขั้นตอนมากมายและอาจใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2 ปี ซึ่งในระหว่างนี้อาจเกิดสถานการณ์ที่ส่งผลให้ราคาทองคำผันผวนได้ทั้งในทางบวกและลบเช่นกัน