xs
xsm
sm
md
lg

“แลนดี้โฮม” คาดครึ่งปีหลัง 59 การสั่งสร้างจะคึกคัก ลดผลกระทบจากภาษีที่ดินฉบับใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นางสาวภัทรา มณีรัตนะพร
แลนดี้ โฮม วิเคราะห์ภาพรวมธุรกิจรับสร้างบ้านครึ่งปีหลังอาจเป็นหนังคนละม้วนกับครึ่งปีแรก มั่นใจร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และอัตราดอกเบี้ยขาลง จะเป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้กลุ่มเงินเย็นเริ่มหันมาลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น เพื่อลดพื้นที่รกร้าง ในขณะเดียวกัน ก็สามารถเพิ่มผลกำไรด้านอสังหาฯ

นางสาวภัทรา มณีรัตนะพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและออกแบบผลิตภัณฑ์ บริษัท แลนดี้ โฮม (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ภาครัฐได้กำหนดนโยบายในการผลักดันให้เศรษฐกิจโดยรวมของประเทศเกิดความเคลื่อนไหว เพื่อนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยล่าสุด คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบในหลักการของร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งหลายฝ่ายก็ออกมาวิเคราะห์ถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังจากที่ร่างดังกล่าวได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ ในฐานะผู้ประกอบการด้านธุรกิจรับสร้างบ้าน มองว่าน่าจะเกิดผลดีต่อธุรกิจ เพราะจะทำให้ผู้ที่ถือครองที่ดินเปล่าที่มีศักยภาพ หันมาก่อสร้างบ้าน หรือโปรเจกต์ด้านอสังหสริมทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ธุรกิจรับสร้างบ้าน และธุรกิจก่อสร้างโดยรวมคึกคักยิ่งขึ้นเช่นกัน

ที่ดินรกร้างว่างเปล่าไม่ได้ใช้ประโยชน์ตามสมควรจะถูกจัดเก็บภาษีในอัตราสูงสุดไม่เกิน 5% ของราคาประเมินโดยกรมธนารักษ์ หากยังไม่มีการนำที่ดินมาใช้ประโยชน์ให้ปรับเพิ่มอัตราภาษีอีก 1 เท่าตัว ทุกๆ 3 ปี

“การผ่านร่าง พรบ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของธุรกิจรับสร้างบ้านเมืองไทย เพราะจะทำให้ผู้ที่มีที่ดินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ต้องกลับมาวิเคราะห์ให้ลึกว่า จะบริหารจัดการกับที่ดินของตนเองอย่างไร ซึ่งความเป็นไปได้มี 2 ทาง คือ ขายที่ดิน หรือจะเดินหน้าพัฒนาที่ดินดังกล่าวให้เกิดเป็นรายได้ทดแทนการจ่ายภาษี อันเนื่องจากทิ้งที่ดินโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ซึ่งเชื่อว่ากลุ่มผู้ที่ถือครองที่ดินส่วนใหญ่จะเลือกทางเลือกที่ 2 มากกว่า เพราะด้วยสถานการณ์อัตราดอกเบี้ยที่ถูกปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กระตุ้นให้กลุ่มที่มีทุนกระโดดเข้ามาพัฒนาโปรเจกต์อสังหาฯ กันมากขึ้น” นางสาวภัทรา กล่าว

ด้านภาพรวมตลาดแรงงานอันถือเป็นหัวใจหลักของธุรกิจรับสร้างบ้านนั้น นางสาวภัทรา กล่าวว่า ธุรกิจรับสร้างบ้านของเมืองไทย หัวใจสำคัญอย่างหนึ่ง คือ กลุ่มแรงงานฝีมือ ซึ่งปัจจุบัน แม้หลายบริษัทจะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้เพื่อลดผลกระทบด้านแรงงาน แต่ก็ยังไม่สามารถครอบคลุมได้ทุกขั้นตอน และยิ่งในปีนี้เกิดการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นกว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา จะทำให้แรงงานเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น แต่ล่าสุด หลังจากที่รัฐบาลพม่าได้เข้ามาส่งเสริม และพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวพม่าที่ทำงานในไทย ก็จะเป็นอีกปัจจัยที่จะช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงานได้เช่นกัน

“การจะอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านยุคปัจจุบันได้อย่างมั่นคงนั้น การปรับตัว ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ และจำเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวด้านเทคโนโลยี ด้านการพัฒนาการออกแบบให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในแต่ละยุค การบริหารจัดการด้านแรงงาน การให้ความสำคัญด้านบริการหลังการขาย และนวัตกรรมการก่อสร้าง ต่างเป็นกลไกที่ไม่สามารถละเลยจุดใดได้ ส่วนตัวเชื่อว่า ในอนาคตธุรกิจรับสร้างบ้านจะแข่งกันด้วย 4 ปัจจัยดังกล่าว และตลาดจะเป็นผู้ที่คัดกรองให้เหลือแต่ผู้เล่นตัวจริงของธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการยกระดับมาตรฐานธุรกิจรับสร้างบ้านของเมืองไทยในอนาคต” นางสาวภัทรา กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น