เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น เลื่อนเข้าตลาดเป็นปี 60 อ้างสภาพตลาด และเศรษฐกิจไม่เอื้อ แม้เตรียมการต่างๆ ไว้ทั้งหมดเพื่อยื่นแบบไฟลิ่งให้กับ ก.ล.ต.
สุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฏิบัติการ บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เลื่อนแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปปี 60 จากเดิมที่คาดว่าจะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เนื่องจากภาพรวมตลาด และเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เตรียมการต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งในเรื่องของชื่อบริษัท ระบบบัญชี โดยมี บล.ธนชาต เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อเตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
“เบื้องต้นปีนี้คงจะไม่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แน่นอนแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเรามีการเตรียมพร้อมหลังบ้านไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเปลี่ยนชื่อให้เป็นมหาชน และเรื่องของบัญชี ซึ่งหากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะตลาด รวมไปถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนเข้าสู่ภาวะปกติเราก็สามารถเข้าตลาดฯได้ทันที” นายสุวิทย์ กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานในปี 59 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้โต 20% เป็น 5 พันล้านบาท และมีกำไร 380 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 20% โดยมีแผนเปิดโรงภาพยนตร์อีก 6 สาขา จากเดิมคาดจะเปิด 5 สาขา ซึ่งจะทำให้มีโรงภาพยนตร์เพิ่มอีก 40 โรง คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 800 ล้านบาท จากเดิมคาดใช้งบลงทุน 600 ล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดไปแล้ว 2 แห่ง และในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเปิดอีก 4 แห่ง อาทิเช่น เซ็นทรัล พลาซ่า นครศรีธรรมราช, เทอร์มินัล 21 และ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ลพบุรี, ศรีนครินทร์
“ปีนี้แนวโน้มผลประกอบการของเรายังเติบโตได้ดี แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะมีความกังวลต่อกำลังซื้อ และการบริโภคที่ชะลอตัว แต่หนังดีดีเข้ามาค่อนข้างเยอะ ซึ่งมียอดขายเป็นร้อยล้านก็หลายเรื่อง ทั้งหนังไทย และหนังฝรั่ง ทำให้แนวโน้มปีนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นในแง่รายได้ หรือกำไรสุทธิ” นายสุวิทย์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีแผนจะขยายออกไปเปิดสาขากลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม โดยมองโอกาสในทุกประเทศ แต่เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดในประเทศกัมพูชา และพม่าก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีพันธมิตรท้องถิ่น และศูนย์การค้าชื่อดังเข้ามาเจรจาแล้ว โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งหากเป็นในเมืองหลวงเบื้องต้นคงจะเปิดราว 8-10 โรง ส่วนเมืองรองลงไปจะเปิดไม่ต่ำกว่า 4 โรง
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ มีทั้งหมด 48 สาขา 322 โรง จำนวนที่นั่งกว่า 71,889 ที่นั่ง
สุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานปฏิบัติการ บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เลื่อนแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปปี 60 จากเดิมที่คาดว่าจะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ เนื่องจากภาพรวมตลาด และเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ได้เตรียมการต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ทั้งในเรื่องของชื่อบริษัท ระบบบัญชี โดยมี บล.ธนชาต เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อเตรียมยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
“เบื้องต้นปีนี้คงจะไม่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ แน่นอนแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเรามีการเตรียมพร้อมหลังบ้านไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการเปลี่ยนชื่อให้เป็นมหาชน และเรื่องของบัญชี ซึ่งหากภาวะเศรษฐกิจ และภาวะตลาด รวมไปถึงความเชื่อมั่นนักลงทุนเข้าสู่ภาวะปกติเราก็สามารถเข้าตลาดฯได้ทันที” นายสุวิทย์ กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวว่า สำหรับการดำเนินงานในปี 59 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้โต 20% เป็น 5 พันล้านบาท และมีกำไร 380 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 20% โดยมีแผนเปิดโรงภาพยนตร์อีก 6 สาขา จากเดิมคาดจะเปิด 5 สาขา ซึ่งจะทำให้มีโรงภาพยนตร์เพิ่มอีก 40 โรง คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 800 ล้านบาท จากเดิมคาดใช้งบลงทุน 600 ล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้เปิดไปแล้ว 2 แห่ง และในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเปิดอีก 4 แห่ง อาทิเช่น เซ็นทรัล พลาซ่า นครศรีธรรมราช, เทอร์มินัล 21 และ โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ เซ็นเตอร์ ลพบุรี, ศรีนครินทร์
“ปีนี้แนวโน้มผลประกอบการของเรายังเติบโตได้ดี แม้ว่าก่อนหน้านี้เราจะมีความกังวลต่อกำลังซื้อ และการบริโภคที่ชะลอตัว แต่หนังดีดีเข้ามาค่อนข้างเยอะ ซึ่งมียอดขายเป็นร้อยล้านก็หลายเรื่อง ทั้งหนังไทย และหนังฝรั่ง ทำให้แนวโน้มปีนี้เราค่อนข้างมั่นใจว่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นในแง่รายได้ หรือกำไรสุทธิ” นายสุวิทย์ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีแผนจะขยายออกไปเปิดสาขากลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนาม โดยมองโอกาสในทุกประเทศ แต่เบื้องต้นคาดว่าจะสามารถเปิดในประเทศกัมพูชา และพม่าก่อน เนื่องจากปัจจุบันมีพันธมิตรท้องถิ่น และศูนย์การค้าชื่อดังเข้ามาเจรจาแล้ว โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งหากเป็นในเมืองหลวงเบื้องต้นคงจะเปิดราว 8-10 โรง ส่วนเมืองรองลงไปจะเปิดไม่ต่ำกว่า 4 โรง
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน โรงภาพยนตร์ในเครือเอส เอฟ มีทั้งหมด 48 สาขา 322 โรง จำนวนที่นั่งกว่า 71,889 ที่นั่ง