“บูทิค คอร์ปอเรชั่น” ยื่นไฟลิ่งขายหุ้นเพิ่มทุน 167 ล้านหุ้น เล็งเข้าเทรดในตลาด mai โดยมี บล.เคที ซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BC เปิดเผยว่า บริษัทยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) version แรกต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.59 เนื่องจากบริษัทจะเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชน (IPO) จำนวน 167 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมี บล.เคที ซีมิโก้ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทประกอบธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบสร้าง-ดำเนินงาน-ขาย (Build-Operate-Sell : BOS) ประเภทโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ศูนย์การค้า และอสังหาริมทรัพย์อื่น วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้เพื่อนำเงินไปใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงการ โดยคาดว่าจะใช้เงินในช่วงปี 60-62 และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
ทั้งนี้ โครงการในอนาคตของบริษัท ได้แก่ โครงการป่าตอง สาย 3 เป็นการร่วมทุน ซึ่งบริษัทถือหุ้นในโครงการ 35.1% ต้นทุนโครงการรวม 470 ล้านบาท เป็นเงินกู้ยืมธนาคาร 320 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 150 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการการก่อสร้าง คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จและเปิดดำเนินการได้ประมาณไตรมาส 2/60 หรือไตรมาส 3/60
โครงการพัทยา เบย์ รีสอร์ท เป็นการร่วมทุน โดยบริษัทถือหุ้นในโครงการ 51% ต้นทุนการดัดแปลงประมาณ 100 ล้านบาท (เฉพาะค่าดัดแปลง) ความคืบหน้าของโครงการอยู่ระหว่างดัดแปลง และเปลี่ยนแปลงการใช้งาน คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จ และเปิดดำเนินการได้ประมาณไตรมาส 2/60 หรือไตรมาส 3/60
วิลล่า ในบริษัท บูทิค ภูเก็ต ทู จำกัด และวิลล่าในบริษัท บูทิค ภูเก็ต ทรี จำกัด เป็นการร่วมทุน โดยบริษัทถือหุ้นในโครงการวิลล่าทั้ง 2 โครงการในสัดส่วน 26.42% มูลค่าโครงการรวมอยู่ระหว่างการประมาณการค่าปรับปรุง ความคืบหน้าของโครงการอยู่ระหว่างตกแต่งซ่อมแซมเพื่อจำหน่าย และคาดว่าโครงการจะปรับปรุงแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 59
สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ในปี 56 บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 73.12 ล้านบาท ปี 57 กำไรสุทธิ 162.40 ล้านบาท และปี 58 กำไรสุทธิ 141.76 ล้านบาท ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ผลประกอบการเท่ากับขาดทนสุทธิ 23.91 ล้านบาท กำไรสุทธิ 113.00 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 114.69 ล้านบาท ตามลำดับ
โดยในปี 57 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 56 เนื่องจากกลุ่มบริษัทรับรู้กำไรจากการขายโครงการในรูปแบบของการขายสินทรัพย์ จำนวน 347.57 ล้านบาท ขณะที่ในปี 58 กล่มบริษัทรับรู้กำไรจากการขายโครงการในรูปแบบของการขายเงินลงทนในบริษัทย่อย จำนวน 233.90 ล้านบาท เป็นผลให้กำไรสุทธิลดลง 12.71%
ส่วนงวด 3 เดือนแรกของปีนี้สิ้นสุด 31 มี.ค.59 มีรายได้รวม 58.96 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 33.62 ล้านบาท โดยมีสินทรัพย์รวม 1,583.14 ล้านบาท หนี้สินรวม 1,748.96 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 165.82 ล้านบาท สาเหตุมาจากกลุ่มบริษัทมีผลขาดทุนสะสม และมีส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมเป็นจำนวนติดลบ เนื่องจากช่วงเริ่มต้นของการพัฒนาโครงการจำเป็นต้องใช้เงินกู้จำนวนมากจากสถาบันการเงิน จากผู้ร่วมลงทุน และจากบุคคล หรือกิจการที่เกี่ยวข้อง ทำให้มีต้นทุนทางการเงินสูง ขณะที่ยังไม่สามารถขายสินทรัพย์ได้ในช่วงแรก แต่อย่างไรก็ตาม ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตามผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น
ณ วันที่ 1 พ.ค.59 บริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 340 ล้านบาท และมีทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 340 ล้านบาท แบ่งเป็น 3.4 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 100 บาท จากนั้นวันที่ 17 พ.ค.59 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการเปลี่ยนแปลงพาร์เป็นหุ้นละ 1 บาท ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 340 ล้านหุ้น และอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนไม่เกิน 167 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท เพื่อเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป และภายหลังจากนั้น จะทำให้บริษัทมีทุนจดทะเบียนและทุนชำระแล้วทั้งสิ้น 507 ล้านบาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญ 507 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท คือ ครอบครัวนายปรับชะรันซิงห์ ทักราล โดยถือหุ้นในนาม บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 129.20 ล้านหุ้น คิดเป็น 38% หลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 25.48% บริษัท อีลีเม้นท์ แคปปิตอล มอริเชียส จำกัด ถือหุ้น 81.60 ล้านหุ้น คิดเป็น 24% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 16.09% นายปรับชะรันซิงห์ ทักราล ถือหุ้น 37.40 ล้านหุ้น คิดเป็น 11% จะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 7.38%
บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 25% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมาย และข้อบังคับของบริษัทฯ