สัญญาณความร้อนแรงของการแข่งขันในตลาดคอนโดมิเนียมในปีนี้เริ่มปรากฏให้เห็นตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ตลาดคอนโดฯ ซบเซามาตั้งแต่กลางปี 2558 โดยสัญญาณดังกล่าวเริ่มเด่นชัดขึ้น เมื่อผู้ประกอบการรายใหญ่ๆ เริ่มชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่ และหันมาเน้นการระบายสต๊อกออกไป ขณะที่กระทรวงการคลังซึ่งจับตาดูสถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์อย่างใกล้ชิดมาต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง 2 ปีก่อนหน้า โดยในแต่ละช่วงก็ได้มีการแทรกแซงตลาดด้วยนโยบายด้านการเงินให้เห็นบ้าง แต่ที่ชัดเจนที่สุด คือ การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยมาตรการลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนองในช่วงปลายปี 2558 ต่อเนื่องมาถึงต้นปี 2559 โดยมาตรการดังกล่าวได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวหากมองในแง่ดี มาตรการนี้เป็นเครื่องมือที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ แต่หากมองในมุมลึกลงไปมาตรการดังกล่าวอาจจะถือได้ว่า เป็นมาตรการหนึ่งที่เข้าม่าช่วยระบายสต๊อกคอนโดฯ ที่สร้างเสร็จในมือผู้ประกอบการออกไป เพื่อป้องกันปัญการเกิดหนี้ NPL ซึ่งมีโอกาสก่อให้เกิดฟองสบู่ในระบบเศรษฐกิจขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอสังหาฯ จะส่งผลให้ตลาดคึกคักอย่างมากในช่วง 4 เดือนแรกของปี จากการที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ สามารถสร้างยอดโอน และรายได้เติบโตค่อนข้างสูง แต่เมื่อมองกลับกันไปในด้านการขยายการลงทุน และด้านยอดขายแล้วต้องยอมรับว่า ทิศทางตลาดในต้นปีหดตัวลงจากปีก่อนหน้าอย่างมาก โดยเฉพาะด้านการลงทุนโครงการใหม่ ซึ่งคาดว่าหดตัวกว่า 30-40% ขณะที่ด้านยอดขายเองมีการหดตัวรุนแรงมากกว่า
ทั้งนี้ ทิศทาง และแนวโน้มตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2559 ซึ่ง “โอภาส ศรีพยัคฆ์” กรรมการผู้จัดการ (MD) บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN หนึ่งในผู้ประกอบการตลาดคอนโดมิเนียมรายใหญ่ที่สุดในเมืองไทย สะท้อนผ่านการให้สัมภาษณ์กับ “ผู้จัดการรายวัน360” เรียกว่า สวนทางต่อภาพตลาดที่เห็นอยู่ในขณะนี้อย่างมาก โดย MD ของ LPN กล่าวว่า ภาพรวมตลาดคอนโดฯ ที่เห็นในขณะนี้เป็นภาพของการสร้างยอดโอนที่ดีของผู้ประกอบการแทบทุกราย แต่เมื่อมองในด้านยอดขายแล้วเชื่อว่าทุกรายมียอดขายหดตัวลงอย่างมากเหมือนๆ กัน
โดยเฉพาะกลุ่มคอนโดฯ ในตลาดราคาระดับกลาง-ล่าง ซึ่งสะท้อนจากยอดขายของ LPN ในช่วง 4 เดือนแรกที่หดตัวจากปีก่อนหน้าถึง 50% โดยใน 4 เดือนที่ผ่านมา LPN มียอดขายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 500-600 ล้านบาทต่อเดือน หรือมียอดขายรวม 5,000 ล้านบาทเศษ จากที่ในปีก่อนหน้ามียอดขายเฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 1,000 ล้านบาทเศษ โดยสาเหตุที่ทำให้ยอดขายในตลาดรวมหดตัวลงในปีนี้มาจากปัญหาด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่าย การตัดสินใจซื้อ และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง จากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และความกังวลต่อรายได้ในอนาคตของผู้บริโภค ขณะที่โครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ของภาครัฐเองในปัจจุบันยังไม่เป็นรูปธรรมเท่าที่ควร รวมถึงปัญหาการเมืองในขณะนี้
แนวโน้มดังกล่าวในตลาดคอนโดฯ คาดว่าจะยังต่อเนื่องไปอีก 2 ปี ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ LPN มองว่า เป็นช่วงทีย่ำแย่สำหรับบริษัท โดยคาดว่าสถานกาณ์ของตลาดคอนโดระดับกลาง-ล่างจะเริ่มดีขึ้นในช่วงกลางปี 2560 หลังจากที่มีการประกาศการเลือกตั้งที่ชัดเจน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศน่าจะเริ่มดีขึ้น เพราะโครงการเมกะโปรเจกต์ต่างๆ ของภาครัฐน่าจะเริ่มเป็นรูปธรรมแล้ว
จากสถานการณ์ตลาดในช่วงขาลงที่เกิดขึ้น เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้ผู้ประกอบการคอนโดฯ จะเริ่มทำตลาดอย่างดุเดือด และเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการออกแคมเปญแรงๆ ออกมากระตุ้นกำลังซื้อ และการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคให้เห็นจำนวนมาก ซึ่ง LPN เองก็คำนึงถึงเรื่องนี้ดี ดังนั้น เพื่อเป็นการปลุกกำลังซื้อ และกระตุ้นยอดขายของบริษัท ล่าสุด LPN ได้จัดแคมเปญพิเศษ ภายใต้ชื่อ “ซ้อมอยู่ก่อน ซื้อจริง”
“MD LPN” กล่าวว่า สำหรับแคมเปญ “ซ้อมอยู่ ก่อนซื้อจริง” นี้ LPN จะนำโครงการคอนโดมิเนียมแบรนด์ ลุมพินีวิว ลุมพินีคอนโดทาวน์ และลุมพินี ทาวน์ชิป รวม 9 โครงการ จำนวน 2,000 ยูนิต เข้าร่วมแคมเปญ โดยจะเปิดให้ลูกค้าทดลองอยู่อาศัยในโครงการนาน 1 ปี โดยลูกค้าที่เข้าร่วมแคมเปญนี้สามารถเข้ามาทดลองอยู่อาศัยในโครงการจริง แต่ต้องผ่อนจ่ายค่าเงินจองซื้อต่อเดือน 2,000 บาท และหากในระหว่างทดลองอยู่นั้นลูกค้าถูกใจ และตกลงตัดสินใจซื้อห้องชุดในโครงการ ลูกค้าสามารถนำจำนวนเงินผ่อนจ่ายค่าจองมาเป็นส่วนลดในการซื้อห้องชุดของ LPN ได้ 100% เต็ม
“เดิมทีแคมเปญดังกล่าววางเงื่อนไขว่า หากลูกค้าทดลองอยู่แล้วตัดสินใจซื้อภายใน 3 เดือนแรก จะสามารถนำเงินผ่อนจ่ายค่าจองซื้อมาใช้เป็นส่วนลดได้ 100% แต่หากตัดสินใจหลังทดลองอยู่ครบ 1 ปี จะสามารถนำค่าผ่อนจ่ายเงินจองซื้อมาเป็นส่วนลดได้ 50% แต่หากลูกค้าอยู่ครบปีแล้วยังติดปัญหาจริงๆ LPN ก็พร้อมเปิดโอกาสให้พูดคุยถึงความจำเป็น และพิจารณาให้นำค่าผ่อนจ่ายเงินจองตลอด 1 ปี มาเป็นส่วนลดได้ 100% เต็มเช่นกัน นอกจากนี้ หากลูกค้าที่อยู่ครบปีแล้วต้องการซื้อห้องชุดจริง แต่ยังไม่สามารถซื้อได้เพราะยังติดขัดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ยังสามารถเข้ามาพูดคุยหาทางออกร่วมกับบริษัทได้ ซึ่งบริษัทจะพิจารณา และร่วมหาทางช่วยอีกทาง”
กรรมการผู้จัดการ LPN ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ที่มาของแคมเปญนี้สืบเนื่องมากจากแนวทางการดำเนินธุรกิจของ LPN ที่ต้องการให้เกิดการอยู่อาศัยจริงในโครงการ LPN ที่เน้นสร้างที่อยู่อาศัยให้ประชาชนได้มีที่อยู่อาศัยของตนเองในราคาที่เหมาะสม ซึ่งตรงกับปรัชญาการทำงานของบริษัทภายใต้สโลแกน “ชุมชนน่าอยู่” ประกอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นในช่วงมาตรการรัฐกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านธุรกิจอสังหาฯ ซึ่งพบว่า ในช่วงดังกล่าวมีลูกค้าจำนวนมากที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อ ซึ่งมีจำนวน 30-40%
สำหรับกลุ่มคนที่ถูกปฏิเสธสินเชื่อดังกล่าวโดยมากเป็นกลุ่มลูกค้าในตลาดกลาง-ล่าง ซึ่งติดปัญหา เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือน ปัญหารายได้ที่ยังไม่ถึงตามเกณฑ์ หรืออายุงานยังไม่ครบปี หรือยังมีภาระในการผ่อนตกค้าง หรือมีข้อจำกัดเพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้ไม่ผ่านเงื่อนของสถาบันการเงิน ซึ่งกลุ่มนี้ต้องการระยะเวลาอีก 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ก็จะสามารถผ่านเงินไข้ของสถาบันการเงินที่วางไว้ได้ รวมถึงกลุ่มที่ไม่เคยอยู่คอนโดฯ มาก่อนจึงลังเลในการตัดสินใจซื้อห้องชุด ดังนั้น แคมเปญนี้จึงเป็นแคมเปญที่เข้ามาช่วยเหลือลูกค้า และช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น
โดยโครงการที่จะนำมาเข้าร่วมแคมเปญดังกล่าวมากที่สุด คือ โครงการ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิตคลอง 1 ซึ่ง ในปัจจุบันมีลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อสูง 30-40% ขณะนี้โครงการดังกล่าวมียอดโอนแล้ว 2,500 ยูนิต จากจำนวนห้องชุดที่สร้างเสร็จแล้ว 7,000 ยูนิต โดย LPN จะนำห้องชุดในเฟส E กว่า 1,000 ยูนิต จากจำนวนทั้งหมด 1,700-1,800 ยูนิต เข้าร่วมแคมเปญ ส่วนที่เหลืออีก 1,000 ยูนิต จะกระจายตัวไปตามโครงการต่างๆ ใน 8 โครงการที่เข้าร่วมแคมเปญ
“LPN ทำแคมเปญนี้อาจจะมีเสียงสะท้อนจากลูกค้าในกลุ่มนักลงทุน และกลุ่มผู้ซื้อที่ตัดสินใจซื้อ และโอนไปก่อนหน้านี้ได้ แต่อยากให้เข้าใจว่า เราสร้างบ้านเพื่อให้คนอยู่จริงๆ การที่กลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อห้องชุดเพื่ออยู่จริงๆ ไม่สามารถซื้อห้องชุดได้ เพราะถูกปฏิเสธสินเชื่อจากการติดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ทำให้พลาดโอกาสไป และทำให้โครงการที่สร้างแล้วเสร็จต้องใช้เวลาในการหากลุ่มลูกค้าใหม่ๆ จนเกิดปัญหาตึกร้างในโครงการ อาจส่งผลทำให้สโลแกน “ชุมชนน่าอยู่” ไม่เป็นชุมชนที่น่าอยู่ไปได้ ดังนั้น จึงอยากให้เข้าใจว่า แคมเปญนี้นอกจากช่วยให้คนมีบ้านได้ ยังช่วยสร้างบรรยากาศชุมชนน่าอยู่ให้เกิดขึ้นจริง และยังเป็นการเพิ่มมูลค่าของโครงการที่ลูกค้าอยู่อาศัยด้วย”
ทั้งนี้ LPN ตั้งเป้าว่าในช่วง 3 เดือนนี้ แคมเปญ “ซ้อมอยู่ ก่อนซื้อจริง” จะสร้างยอดขายได้ 10-20% ของห้องชุดที่เข้าร่วมโครงการ และจะมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง
จากทิศทางตลาดรวมที่ “โอภาส ศรีพยัคฆ์” MD บริษัท LPN สะท้อนออกมานั้น ทำให้คาดการณ์ได้ว่า ครึ่งหลังของปีนี้ผู้ประกอบการทุกรายจะมีการกระตุ้นตลาดด้วยการออกแคมเปญแรงๆ ออกมาจำนวนมาก ซึ่งแน่นอนว่า จะทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดเกิดขึ้นให้เห็นอย่างแน่นอน ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวน่าจะได้เห็นในไม่ช้านี้ เพราะที่ผ่านมา หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าบริษัทอสังหาฯ รายใหญ่ๆ เริ่มทยอยส่งแคมเปญลงตลาดกันอย่างต่อเนื่อง
เช่น ค่าย ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) หรือ SPALI สร้างความต่อเนื่อง และตอบสนองความต้องการลูกค้าหลังสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ด้วยแคมเปญพิเศษ 2 โครงการ ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี คือโครงการศุภาลัย การ์เด้นวิลล์ สุราษฎร์ธานี ริมถนนสุราษฎร์-พุนพิน ทำเลใกล้เซ็นทรัล และโครงการศุภาลัย วิลล์ สุราษฎร์ธานี ริมถนนสุราษฎร์-นคร ภายใต้ชื่อ Summer Cool ซึ่งเสมือนเป็นการขยายมาตรการรัฐ โดยลูกค้าสามารถจองทำสัญญาเพียง 30,000 บาท ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน ฟรีแอร์ พร้อมบัตรกำนัล Index สูงสุด 30,000 บาท กู้ไม่ผ่านยินดีคืนเงิน ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ส.ค.2559
ขณะที่ค่ายธารารมณ์ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) ได้จัดโปรโมชันรับหน้าฝน 5 โครงการ 5 ทำเล เริ่มด้วย The Link Vano 64 คอนโดพร้อมอยู่ ใกล้รถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถี “จองน้อยพร้อมอยู่เพียง 9,900 บาท” ราคาเริ่ม 2.89 ล้านบาท พร้อมฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ และทำสัญญา มูลค่าสูงสุด 200,000 บาท สำหรับบ้านเดี่ยวเทรนดี้ ธารา กับ 3 ทำเลคุณภาพ รามคำแหง ปิดโครงการ 5 หลังสุดท้าย เริ่ม 4.99 ล้านบาท ฟรีค่าใช้จ่าย ในวันโอนกรรมสิทธิ์ และตกแต่ง มูลค่าสูงสุด 200,000 บาท ทำเลพระราม 2 เริ่ม 5.39 ล้านบาท ฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์ และตกแต่ง มูลค่าสูงสุด 300,000 บาท ทำเลบางใหญ่ เริ่ม 3.89 ล้านบาท ช่วยผ่อนนาน 2 ปี พร้อมฟรีค่าใช้จ่ายในวันโอนกรรมสิทธิ์มูลค่ารวม 120,000 บาท ส่งท้ายด้วย Trio Romklao ทาวน์โฮมติดถนนใหญ่ร่มเกล้า ลงตัวทั้งธุรกิจ และที่พักอาศัยบนทำเลศักยภาพ ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท พิเศษจองวันนี้ ฟรีแอร์ทั้งหลัง วันนี้ถึง 30 กรกฎาคมนี้
ส่วนค่ายโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ออกมาจัดแคมเปญใหญ่กระตุ้นยอดขาย ภายใต้ชื่อ “Noble D Day” รวมสุดยอด 5 โลเกชันเทพ กับ 10 โครงการบ้าน และคอนโดฯ คุณภาพ บนมหา-นครกรุงเทพ พร้อมรับข้อเสนอพิเศษสูงสุดถึง 2 ล้านบาท เฉพาะวันที่ 18-30 มิถุนายนนี้
ล่าสุด ค่าย เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ก็เตรียมจัดแคมเปญแห่งปี AP Space vision ขึ้นระหว่างวันที่ 21 กรกฎาคม-11 สิงหาคม 2559 โดยในแคมเปญนี้ “เอพี” เตรียมนำห้องชุด และที่อยู่อาศัยแนวราบที่เป็นยูนิตที่ดีที่สุด หรือไฮไลต์ของแต่ละโครงการมาออกบูทแสดง พร้อมจัดแคมเปญพิเศษในห้างสรรพสินค้า 4 มุมเมือง ประกอบด้วย ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางแค เซ็นทรัล ลาดพร้าว เซ็นทรัลเวสต์เกต และสยามพารากอน โดย เอพีฯ เตรียมจัดขบวนคาราวานสินค้าทั้งแนวราบแนวสูงทุกโครงการที่มีอยู่ในมือ ออกตระเวนสร้างการรับรู้ในกลุ่มลูกค้าในรูปแบบคาราวาน เริ่มต้นจากห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ บางแค ไปที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวสต์เกต จากนั้นตระเวนเดินทางไปที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว และไปสิ้นสุดที่ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ในวันสุดท้ายของแคมเปญ