ตลท.จับมือ ก.ล.ต.จัดหลักสูตรอบรมธุรกิจครอบครัว เตรียมความพร้อมเข้าตลาดหุ้น ชี้ธุรกิจครอบครัวในประเทศไทยถือว่าเป็นรากฐานเดิมของเศรษฐกิจ แต่เนื่องจากภาวะสถานการณ์เศรษฐกิจต่างๆ ของไทย และโลกได้เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ทำไห้ธุรกิจครอบครัวของไทยจะต้องมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และสามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ และยั่งยืนในอนาคต
นายชัยวัฒน์ วิบูลย์สวัสดิ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อ “The Importance of Enhancing Corporate Governance in Family-Controlled” โดยระบุว่า ตลท. และสำนักงานคณะกรรมกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เห็นตรงกันที่จะเปิดอบรมธุรกิจครอบครัวที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ให้เข้าใจเรื่องหลักเกณฑ์ธรรมาภิบาล และหลักเกณฑ์ไนเรื่องอื่นๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม และสร้างความเข้มแข็งก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ทั้งนี้ ธุรกิจครอบครัวในประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นรากฐานเดิมของเศรษฐกิจไทย แต่เนื่องจากภาวะสถานการณ์เศรษฐกิจต่างๆ ของไทย และโลกได้เปลี่ยนไปค่อนข้างมาก ทำไห้ธุรกิจครอบครัวของไทยจะต้องมีการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด และสามารถเติบโตได้อย่างมีศักยภาพ และยั่งยืนในอนาคต ประกอบกับการคำนึงถึงหลักธรรมมาภิบาลที่ดีเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งหลักธรรมาภิบาลเป็นหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจครอบครัวมีการเติบโตได้อย่างยั่งยืน และเป็นที่ยอมรับของบุคคลอื่นๆ
สำหรับหลักธรรมาภิบาลของธุรกิจครอบครัวนั้น ทางตลาดหลักทรัพย์ฯ มองว่ามีอยู่ 3 ด้านที่ควรมีการปรับปรุง ได้แก่ 1.การปรับรากฐานของเรื่องธรรมภิบาลภายในองค์กร โดยจะต้องมีการจ้างที่ปรึกษาเข้ามาให้คำแนะนำเกี่ยวกับหลักธรรมาภิบาลที่ควรปฏิบัติ และมีการตรวจสอบจ้างบุคคลภายนอกเข้ามาตรวจสอบการดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้อง รวมไปถึงการให้สมาชิกในครอบครัวที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในธุรกิจครอบครัวของตนในอนาคตออกไปหาประสบการณ์ในบริษัทอื่นอย่างน้อย 3 ปี เพื่อให้มีความรู้ และเข้าใจเรื่องการดำเนินธุรกิจ และเข้าใจด้านการเงินอย่างดี
2.ด้านเครื่องมือการจัดการ และแผนการปฏิบัติงานของบริษัท โดยจะต้องมีการจัดทำ KPI อย่างมืออาชีพ ประกอบกับผู้บริหารจะต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และมีความสามารถในการบริหารความเสี่ยง ซึ่งธุรกิจครอบครัวควรจะมีการจ้างผู้บริหารมืออาชีพจากภายนอกเข้ามาบริหารกิจการของครอบครัวด้วย
และ 3.การจัดการซัปพลายเชน และการจัดการทรัพยากรบุคคล โดยจะต้องนำองค์ความรู้ที่ทันสมัยใน 2 เรื่องดังกล่าวมาประยุกต์ใช้ และสร้างเป็นวัฒนธรรมองค์กรให้เป็นที่ยอมรับ
ด้าน นายเกริกไกร จีระแพทย์ ประธานกรรมการสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย กล่าวว่า จากผลสำรวจธุรกิจครอบครัวของมหาวิทยาลัยชั้นนำจากต่างประเทศ มีธุรกิจครอบครัว จำนวน 500 บริษัททั่วโลกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยแบ่งเป็นสัดส่วน ทวีปยุโรป 50% ทวีปอเมริกาเหนือ 20% และทวีปเอเชีย 20% ซึ่งในประเทศไทยมีธุรกิจครอบครัวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกลุ่ม SET100 คิดเป็นสัดส่วน 33% โดยมีมาร์เกตแคปในสัดส่วน 15% ของมาร์เกตแคปรวมในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย