BM มั่นใจ Q2/59 รายได้-กำไรสูงขึ้นจาก Q1/59 โดยเฉพาะในส่วนของกลุ่มธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรที่ยังมีแนวโน้มดีได้รับคำสั่งผลิตเพิ่มขึ้น เผยงานใหม่รอเข้าใน Q3/59 และกำลังเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิต คาดรายได้ของปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 20% จากปีก่อนที่อยู่ 802.02 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 67.70 ล้านบาท
นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอกชีทเม็ททัล (BM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ และกำไรสุทธิในไตรมาส 2/59 จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59 เนื่องจากคำสั่งซื้อกลุ่มเครื่องจักรกลเกษตรและชิ้นส่วนโลหะของเครื่องปรับอากาศเติบโตได้ดี และที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ก็จะได้รับงานใหม่เพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย
“รายได้ในไตรมาส 2 น่าจะดีอย่างต่อเนื่อง จากรายได้ในส่วนของกลุ่มธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรที่ยังมีแนวโน้มดีได้รับคำสั่งผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเจ้าของแบรนด์สินค้าเครื่องจักรกลการเกษตรรายใหญ่ยังมีตลาดที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ที่เกษตรกรมีการพัฒนาระบบการผลิตโดยหันมาใช้เครื่องจักรกลการเกษตรมากขึ้น”
นอกจากนี้ ยังคาดว่ารายได้ในไตรมาส 2 จะได้รับปัจจัยบวกจากการผลิตชิ้นส่วนโลหะสำหรับเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากแบรนด์เครื่องปรับอากาศที่ว่าจ้างบริษัทฯ ผลิตชิ้นส่วนโลหะ ยังคงมีตลาดเครื่องปรับอากาศที่ขยายตัว อันเนื่องมาจากภาวะอากาศร้อนยังมีอยู่
ด้าน นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ BM เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 20% จากปีก่อนที่อยู่ 802.02 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 67.70 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 9% จากปี 58 อยู่ที่ 8.4% เนื่องจากยอดขายที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ต้นทุนการบริหาร และค่าใช้จ่ายคงเดิม
การเติบโตของรายได้ในปีนี้มาจากสินค้าที่ผลิตให้แก่กลุ่มเครื่องจักรเกษตร กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มก่อสร้างมีแนวโน้มเติบโตที่ดี โดยบริษัทได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน รายได้ของบริษัทมาจากสินค้าประเภทรางและท่อร้อยสายไฟ แผงควบคุมไฟฟ้าและโคมไฟฟ้า แม่พิมพ์โลหะ เครื่องมือ และอุปกรณ์ รายได้จากการเทรดดิ้ง งานบริการพ่นสีชิ้นงานโลหะ และรายได้อื่นๆ ได้แก่ ตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า ตู้โลหะ โลหะเชื่อมประกอบ ชิ้นส่วนโลหะ
“ปีนี้เรามั่นใจว่าผลประกอบการในแง่รายได้ และกำไรจะยังมีการเติบโต แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภาครัฐฯ อาจจะไม่ออกมาตามที่คาด แต่กลุ่มเครื่องจักรเกษตร กลุ่มสื่อสาร อสังหาฯ ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”
นายธีรวัต กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ราว 254 ล้านบาท มาจากเงินที่ระดมทุนได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) บางส่วน และเงินกู้จากสถาบันทางการเงินอีกบางส่วน เพื่อขยายกำลังการผลิตตามแผนงาน โดยอยู่ระหว่างสั่งซื้อ และติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมภายในโรงงานแห่งใหม่หลังที่หนึ่ง
ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มการผลิตเต็มที่ภายในไตรมาส 3/59 รวมถึงโครงการก่อสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่หลังที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป
นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บางกอกชีทเม็ททัล (BM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ และกำไรสุทธิในไตรมาส 2/59 จะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/59 เนื่องจากคำสั่งซื้อกลุ่มเครื่องจักรกลเกษตรและชิ้นส่วนโลหะของเครื่องปรับอากาศเติบโตได้ดี และที่สำคัญในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ก็จะได้รับงานใหม่เพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย
“รายได้ในไตรมาส 2 น่าจะดีอย่างต่อเนื่อง จากรายได้ในส่วนของกลุ่มธุรกิจเครื่องจักรกลการเกษตรที่ยังมีแนวโน้มดีได้รับคำสั่งผลิตเพิ่มขึ้น เนื่องจากเจ้าของแบรนด์สินค้าเครื่องจักรกลการเกษตรรายใหญ่ยังมีตลาดที่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV ที่เกษตรกรมีการพัฒนาระบบการผลิตโดยหันมาใช้เครื่องจักรกลการเกษตรมากขึ้น”
นอกจากนี้ ยังคาดว่ารายได้ในไตรมาส 2 จะได้รับปัจจัยบวกจากการผลิตชิ้นส่วนโลหะสำหรับเครื่องปรับอากาศ เนื่องจากแบรนด์เครื่องปรับอากาศที่ว่าจ้างบริษัทฯ ผลิตชิ้นส่วนโลหะ ยังคงมีตลาดเครื่องปรับอากาศที่ขยายตัว อันเนื่องมาจากภาวะอากาศร้อนยังมีอยู่
ด้าน นายธีรวัต อมรธาตรี กรรมการผู้จัดการ BM เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ 20% จากปีก่อนที่อยู่ 802.02 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไร 67.70 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 9% จากปี 58 อยู่ที่ 8.4% เนื่องจากยอดขายที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ต้นทุนการบริหาร และค่าใช้จ่ายคงเดิม
การเติบโตของรายได้ในปีนี้มาจากสินค้าที่ผลิตให้แก่กลุ่มเครื่องจักรเกษตร กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มก่อสร้างมีแนวโน้มเติบโตที่ดี โดยบริษัทได้รับงานใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ปัจจุบัน รายได้ของบริษัทมาจากสินค้าประเภทรางและท่อร้อยสายไฟ แผงควบคุมไฟฟ้าและโคมไฟฟ้า แม่พิมพ์โลหะ เครื่องมือ และอุปกรณ์ รายได้จากการเทรดดิ้ง งานบริการพ่นสีชิ้นงานโลหะ และรายได้อื่นๆ ได้แก่ ตู้สื่อสาร ตู้ไฟฟ้า ตู้โลหะ โลหะเชื่อมประกอบ ชิ้นส่วนโลหะ
“ปีนี้เรามั่นใจว่าผลประกอบการในแง่รายได้ และกำไรจะยังมีการเติบโต แม้ว่าโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภาครัฐฯ อาจจะไม่ออกมาตามที่คาด แต่กลุ่มเครื่องจักรเกษตร กลุ่มสื่อสาร อสังหาฯ ยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง”
นายธีรวัต กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปีนี้ราว 254 ล้านบาท มาจากเงินที่ระดมทุนได้จากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) บางส่วน และเงินกู้จากสถาบันทางการเงินอีกบางส่วน เพื่อขยายกำลังการผลิตตามแผนงาน โดยอยู่ระหว่างสั่งซื้อ และติดตั้งเครื่องจักรเพิ่มเติมภายในโรงงานแห่งใหม่หลังที่หนึ่ง
ทั้งนี้ คาดว่าจะเริ่มการผลิตเต็มที่ภายในไตรมาส 3/59 รวมถึงโครงการก่อสร้างอาคารโรงงานแห่งใหม่หลังที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ และเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป