“คลัง” กระทุ้ง รสก.เร่งปั๊มผลงาน เน้นให้ทำหน้าที่ผู้ถือหุ้นเชิงรุกและสนับสนุนนโยบายรัฐ

“คลัง” กระทุ้ง รสก.เร่งปั๊มผลงาน เน้นให้ทำหน้าที่ผู้ถือหุ้นเชิงรุก สนับสนุนนโยบาย รบ. และธรรมาภิบาล พร้อมเข้มประเมินผลงานหากไม่สามารถทำตามเป้าที่กำหนดไว้อาจต้องถูกปรับออกจากตำแหน่ง เนื่องจาก รสก.มีความสำคัญการขับเคลื่อน ศก. มีทรัพย์สินรวมกันถึง 13.5 ล้านล้านบาท มากกว่าจีดีพีของประเทศ มีเงินลงทุนครึ่งหนึ่งของการลงทุนของภาครัฐทั้งหมด และมีรายได้ส่งรัฐ 1.6 แสนล้านบาท

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังเป็นประธานประชุมผู้บริหารกระทรวงการคลัง ที่นั่งเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจ (รสก.) โดยระบุว่า ได้ปรับปรุงการทำงานของผู้แทนกระทรวงการคลัง ที่นั่งเป็นกรรมการในรัฐวิสาหกิจให้มากขึ้น จากเดิมที่ทำหน้าที่แค่เป็นกรรมการ แต่ต่อไปจะให้ทำหน้าที่ผู้ถือหุ้นเชิงรุก (Active Shareholder) ให้รัฐวิสาหกิจทำงานสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล ได้แก่ การเร่งเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจให้ได้ตามเป้า การสนับสนุนให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (PPP) สนับสนุนนโยบายการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (อี-เพย์เมนต์) การช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย การช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน เป็นต้น

ทั้งนี้ ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) จะตั้งคณะทำงานที่เป็นผู้เชี่ยวชาญรัฐวิสาหกิจแต่ละด้านเพื่อให้คำปรึกษาแก่ผู้บริหารกระทรวงการคลังที่นั่งเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ โดยในเบื้องต้น จะให้กรรมการส่งรายงานการประชุมให้คณะทำงานของ สคร. ช่วยดู เผื่อมีคำแนะนำให้แก่กรรมการเพิ่มเติม และหลังการประชุม กรรมการผู้แทนคลังต้องทำรายงานกลับมาให้คณะทำงานของ สคร. เพื่อประเมินผลติดตามการทำงานว่ามีความคืบหน้าอย่างไร โดยในไตรมาสสุดท้ายของแต่ละปีจะมีการประเมินผู้แทนกระทรวงการคลังที่เข้าไปกำกับดูแล หากไม่สามารถทำตามเป้าหมายของรัฐวิสาหกิจที่กำหนดไว้ จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งกรรมการดังกล่าว

นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตามร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ จะมีการตั้งบรรษัทภิบาลแห่งชาติ (ซูเปอร์โฮลดิ้ง) เพื่อดูแลกำกับรัฐวิสาหกิจที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือที่แปลงสภาพเป็นบริษัท จำกัด แต่ระหว่างที่ซูเปอร์โฮลดิ้ง ยังไม่ได้ตั้ง ก็ให้คณะทำงานพิเศษของ สคร.ประสานการทำงานกับผู้บริหารกระทรวงการคลังที่เป็นกรรมการให้รัฐวิสาหกิจไปก่อน

รมว.คลัง ระบุว่า ปัจจุบันรัฐวิสาหกิจมีความสำคัญการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศมาก เนื่องจากมีทรัพย์สินรวมกันถึง 13.5 ล้านล้านบาท มากกว่าจีดีพีของประเทศ มีเงินลงทุนครึ่งหนึ่งของการลงทุนของภาครัฐทั้งหมด มีรายได้ส่งรัฐ 1.6 แสนล้านบาท เป็นอันดับ 3 รองจากกรมสรรพากร และกรมสรรพสามิต เชื่อว่า มีการเพิ่มบทบาทการทำงานของกรรมการที่เป็นผู้แทนกระทรวงการคลัง จะให้การทำงานของรัฐวิสาหกิจมีประสิทธิภาพ และมีธรรมาภิบาลมากขึ้น