นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คงหมายตากำไรสะสมของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จำนวน 20,000 ล้านบาทอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่เห็นช่องทางโยกเงินก้อนนี้เข้ามาที่กระทรวงการคลังเท่านั้น
ตลาดหลักทรัพย์มีลักษณะเป็นเสือนอนกิน มีรายได้มีรายได้ค่าธรรมเนียมจากบริษัทจดทะเบียน และรายได้จากค่านายหน้าซื้อขายหุ้นปีละมากมาย จึงมีกำไรงอกเงยจนมีเงินเหลือกินเหลือใช้
ทั้งคณะกรรมการ ทั้งผู้บริหาร และพนักงานตลาดหลักทรัพย์มีความอู้ฟู่ มีรายได้ และโบนัสงามๆ มีงบให้จับจ่ายกันสนุกสนานโดยไม่ต้องถูกตรวจสอบจากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เพราะมีฐานะเป็นองค์กรพิเศษ ไม่ใช่หน่วยงานรัฐ
กระทรวงการคลังไม่อาจอ้างสิทธิความเป็นเจ้าของเงินในตลาดหลักทรัพย์ได้ เว้นแต่จะแก้กฎหมายเพื่อขอให้ตลาดหลักทรัพย์นำส่งเงินกำไรเข้ากระทรวงการคลัง ซึ่งคงมีกลุ่มธุรกิจในตลาดหุ้นออกมาคัดค้าน เพราะถือว่ากำไรของตลาดหลักทรัพย์ควรเป็นสมบัติของภาคเอกชน
แม้ตลาดหลักทรัพย์จะเป็นองค์กรที่ค่อนไปทางภาคเอกชน โดยเอกชนเป็นผู้สร้างรายได้ แต่รัฐบาลให้การสนับสนุนกิจกรรมต่างในตลาดหุ้น โดยเฉพาะการให้สิทธิลดหย่อนภาษีต่างๆ เพื่อกระตุ้นการลงทุน และระดมทุน มกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ รองรับ มีสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ดูแลนโยบาย
รายได้ของตลาดหลักทรัพย์เกิดจากการสนับสนุนของรัฐในด้านภาษี เมื่อตลาดหลักทรัพย์มีกำไรมหาศาลจึงส่งเข้ารัฐเพื่อนำมาเป็นงบประมาณพัฒนาประเทศ คืนกลับผลประโยชน์ใหไประชาชน ไม่ใช่ปล่อยให้ถูกนำไปผลาญ
รายได้ และสวัสดิการพนักงานตลาดหลักทรัพย์อยู่ในมาตรฐานที่สูง โดยไม่ต้องดิ้นรนเหมือนพนักงานบริษัทเอกชนทั่วไป ไม่ต้องแข่งขันหารายได้กันอย่างดุเดือดเหมือนบริษัทโบรกเกอร์ เพราะมีรายได้จากค่าต๋งแน่นอน
ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์หลายคนใช้เงินของตลาดหลักทรัพย์ชนิดล้างผลาญ เดินทางไปดูงานต่างประเทศเป็นว่าเล่น ตีตั๋วเครื่องบินชั้น 1 จองโรงแรมสุดหรู กินอาหารระดับ “มิชลิน” หรืออาหารอย่างดี ราคาแพงลิบลิ่ว
และอดีตผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์บางคนถือว่าเงินของตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่สมบัติของตัวเอง จึงนำไปใช้สร้างภาพอย่างสนุกมือ ทั้งสนับสนุนพวกพ้องในกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าด้านกีฬา จัดงบการสร้างละคร การแสดงคอนเสิร์ต หรือแม้แต่สนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองก็มี
แม้จะมีคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ กำกับการทำงานของกรรมการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ แต่ไม่เคยเห็นว่าคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์จะตรวจสอบ หรือท้วงติงการใช้จ่ายอย่างฟุ้งเฟ้อของผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์แต่อย่างใด
ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ และองค์กรธุรกิจที่เกี่ยวข้องประกาศนโยบายชัดเจนในการรณรงค์ระบบธรรมาภิบาลในตลาดหุ้น ซึ่งควรทำความสะอาดบ้านตัวเองก่อนเพื่อสร้างบรรทัดฐานความโปร่งใสให้เป็นแบบอย่าง โดยการบริหารจัดการเงินกำไรสะสม 20,000 ล้านบาท ของตลาดหลักทรัพย์
ไม่ใช่ “กันท่า” ไว้เพื่อใช้ผลาญในหมู่ผู้มีอำนาจในแวดวงตลาดหุ้นเท่านั้น ไม่ใช่เก็บไว้เพื่อให้ผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ หรืออาจรวมถึงคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์นำไปใช้อย่างผลาญ
ตลาดหลักทรัพย์ควรมีภาพลักษณ์ที่ดี ควรเป็นองค์กรที่ยึดหลักธรรมาภิบาลอย่างแน่วแน่ และต้องไม่ฉวยโอกาสเห็นแก่ได้ ไร้สำนึกเหมือนองค์กรปกครองท้องถิ่น องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานรัฐ หรือแม้แต่รัฐสภาที่นำงบไปละเลงกับการดูงานต่างประเทศจนคนด่าทั้งบ้านทั้งเมือง
กระทรวงการคลังไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ถ้าอยากได้กำไรสะสม 20,000 ล้านบาท ของตลาดหลักทรัพย์ ต้องเดินหน้าแก้กฎหมาย กำหนดให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องนำส่งกำไร หมือนรัฐวิสาหกิจทั่วไป และไม่ต้องกลัวภาคเอกชนในตลาดหุ้นออกมาโวยวาย
เพราะกำไรของตลาดหลักทรัพย์ไม่ใช่เงินที่ภาคเอกชนจะอ้างสิทธิเป็นเจ้าของ แต่เป็นเงินที่เกิดจากการสละสิทธิเรียกภาษีซึ่งรัฐมอบให้เพื่อจูงใจการลงทุนในตลาดหุ้น และควรถูกส่งเข้ากระทรวงการคลังได้แล้ว
ถ้าปล่อยไว้ เจอผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ที่เห็นแก่ได้ มือเติบ ไม่มีสำนึกความรับผิดชอบ เงินก้อนโตของตลาดหลักทรัพย์ซึ่งเป็นสมบัติของส่วนรวมจะถูกนำไปใช้จ่ายอย่างล้างผลาญอีก