แสนสิริ รายงานผลดำเนินงานไตรมาสแรกรายได้ 7,685 ล้านบาท โต 10% กำไรสุทธิ 556 ล้านบาท เพิ่ม 3% กวาดยอดขาย 5,000 ล้านบาท เผยไตรมาส 2 เปิด 5 โครงการ มูลค่า 7,385 ล้านบาท
นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริในช่วงไตรมาส 1/2559 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 7,685 ล้านบาท เติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 10% ซึ่งผลการดำเนินที่ดีนี้เป็นผลมาจากการที่ลูกค้าให้การตอบรับการโอนคอนโดมิเนียมตากอากาศในจังหวัดติดชายทะเล ทั้งที่พัทยา และในทำเลชะอำ หัวหิน ได้แก่ โครงการเดอะ เบส เซ็นทรัล พัทยา ที่สามารถโอนได้ 1,100 ล้านบาท รวมทั้งยังสามารถปิดการโอน 100% ในโครงการบ้านเพียงเพลิน หัวหิน และบ้านทิวลม ชะอำ และดีคอนโด ซายน์ เชียงใหม่
นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างยอดโอนจากโครงการฮาสุ เฮาส์ ในทำเลสุขุมวิท 77 อ่อนนุช ได้ถึง 1,000 ล้านบาท ขณะที่บริษัทสามารถสร้างยอดขายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท จากการปิดการขายคอนโดมิเนียมในโครงการ เดอะ เบส พาร์ค อีสต์ สุขุมวิท 77 และดีคอนโด อ่อนนุช-พระราม 9 ที่เพิ่งเปิดการขายในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และมีกำไรในช่วงไตรมาสแรกประมาณ 556 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 541 ล้านบาท
ทั้งนี้ รายได้จากโครงการเพื่อขายในไตรมาสที่ 1/2559 เพิ่มขึ้นร้อยละ 13 เมื่อเปรียบเทียบกับรายได้จากโครงการเพื่อขายในไตรมาสที่ 1/2558 ปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม โดยในไตรมาสที่ 1/2559 แสนสิริ และบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียมร้อยละ 71.4 จำนวน 5,024 ล้านบาท รายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยวร้อยละ 24.6 จำนวน 1,732 ล้านบาท และรายได้จากการขายโครงการทาวน์เฮาส์ ร้อยละ 4.0 จำนวน 281 ล้านบาท
สำหรับรายได้จากการขายโครงการบ้านเดี่ยวปรับลดลงที่ร้อยละ 15 จากจำนวน 2,041 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/2558 มาอยู่ที่จำนวน 1,732 ล้านบาทในไตรมาสที่ 1/2559 โดยรายได้หลักของโครงการบ้านเดี่ยวมาจาก 3 โครงการ ได้แก่ โครงการเศรษฐสิริจรัญฯ-ปิ่นเกล้า โครงการเศรษฐสิริกรุงเทพกรีฑา และโครงการฮาบิเทีย โมทีฟ ปัญญาอินทรา โดยมีรายรับรวมจาก 3 โครงการ จำนวน 592 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8 ของรายได้จากโครงการเพื่อขายทั้งหมด
สำหรับรายได้จากโครงการทาวน์เฮาส์ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก จำนวน 226 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2558 มาอยู่ที่ 281 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2559 จากความสามารถในการบริหารจัดการสินค้าคงเหลือในโครงการบริเวณถนนพระราม 2 ซึ่งประกอบด้วย โครงการฮาบิทาวน์เนสท์ ท่าข้าม-พระราม 2 และโครงการทาวน์อเวนิว โคโคส พระราม 2 ซอย 50 รวมจำนวน 110 ล้านบาท
ในสวนของรายได้จากโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากจำนวน 3,956 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2558 มาอยู่ที่จำนวน 5,024 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 1/2559 ทั้งนี้ รายได้หลักของโครงการคอนโดมิเนียมมาจาก 2 โครงการใหม่ที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ในไตรมาสที่ 1/2559 ประกอบด้วย โครงการเดอะเบส เซ็นทรัล พัทยา และโครงการฮาสุ เฮาส์ โดยมีรายรับรวมจาก 2 โครงการดงกล่าว จำนวน 2,050 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 29 ของรายได้จากโครงการเพื่อขายทังหมด
สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 2 นี้ บริษัทยังได้วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีกประมาณ 5 โครงการ มูลค่า 7,385 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และบ้านเดี่ยว 1 โครงการ โดยได้เตรียมเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ภายใต้บริษัทร่วมทุนกับบีทีเอส ภายใต้แบรนด์ เดอะ ไลน์ โครงการล่าสุด ในชื่อ “เดอะ ไลน์ อโศก-รัชดา” ในเดือนมิถุนายนนี้ รวมทั้งเปิดโครงการต่อเนื่องสำหรับในทำเลที่มีผลตอบรับที่ดีทั้งในเชียงใหม่ และภูเก็ต ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียม “ดีคอนโด นิม” เชียงใหม่ ต่อเนื่องจากโครงการดีคอนโด ซายน์ เชียงใหม่ ที่ได้รับการตอบรับที่ดีมากในช่วงก่อนหน้านี้ และเตรียมเปิดตัวบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ที่ภูเก็ต ได้แก่ “โครงการสราญสิริ เกาะแก้ว ภูเก็ต” โดยตั้งเป้ายอดขาย และรายได้ไตรมาส 2 ประมาณ 7,000-8,000 ล้านบาท