กรีน รีซอร์สเซส (GREEN) มีมติปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจจากผลิต และจำหน่ายเครื่องเล่นอิเล็กทรอนิกส์ ไปสู่ 2 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อพลังงานสะอาด (Green Energy Business) เพื่อสร้างกระแสรายได้ที่มั่นคง และยั่งยืนให้แก่องค์กร
นายประทีป อนันตโชติ รองประธานกรรมการ บริษัท กรีน รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ GREEN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องเล่นอิเล็กทรอนิกส์ไปสู่สามธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อพลังงานสะอาด (Green Energy Business) โดยในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่จะเน้น และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตที่มีศักยภาพ และการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการศึกษา เพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ กรีน รีซอร์สเซส ได้ประเดิมพัฒนาโครงการแรก คือ โครงการร็อคเซีย (เดิมชื่อโครงการตักสิลา) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยโครงการประกอบด้วย อาคารที่พักอาศัยขนาด 4 ชั้น จำนวน 4 อาคาร รวมทั้งสิ้น 300 ยูนิต มูลค่าโครงการราว 175 ล้านบาท โดยปัจจุบัน อาคารร็อคเซีย 1 ซึ่งมีจำนวน 75 ยูนิต ก่อสร้างแล้วเสร็จ โอนไปแล้ว 18 ห้อง อีก 3 อาคารจะเริ่มดำเนินการโอนในเดือนมิถุนายน 2559 เนื่องจากอาคารดังกล่าวยังไม่เสร็จ 100% และเริ่มทยอยรับรู้รายได้แล้วประมาณ 25% นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท โอริน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และดำเนินการบริหารการขายโครงการออริจินส์ บางมด-พระราม 2 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม 19 ชั้น ประกอบด้วย ห้องพักอาศัย 371 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 1.6 ล้านบาท มีจุดเด่นที่เป็นโครงการที่มีทำเลที่ตั้งดี ติดถนนพระราม 2 สะดวกสบายในการเดินทาง อยู่ใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน และถนนวงแหวนรอบนอก ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน ใกล้ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถานศึกษาต่างๆ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน ได้แก่ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายลอยฟ้า สวนลอยฟ้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขายอสังหาฯ ในโครงการดังกล่าวได้แล้ว 337 ยูนิต คิดเป็นร้อยละ 90.84 ของโครงการทั้งหมด ทั้งนี้ โครงการได้สร้างเสร็จพร้อมโอนตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันได้มีการโอน และเริ่มได้รับรู้รายได้แล้วประมาณ 270 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 43.60 ของโครงการที่มีมูลค่ารวม 619.40 ล้านบาท
“การเข้าซื้อหุ้นในบริษัทที่มีโครงการในมืออยู่แล้ว ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอนานเหมือนการพัฒนาโครงการใหม่ตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตาม กรีน รีซอร์สเซส ก็ยังมองหาโครงการที่จะพัฒนาเองควบคู่กันไปด้วย”
นอกเหนือจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ ยังได้ถือหุ้น 99% ในบริษัท เอซีดี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาด (Green Energy Business) เนื่องจากเล็งเห็นถึงความต้องการด้านพลังงานที่เติบโตขึ้น ควบคู่กับความตระหนักในความจำเป็นที่จะใช้พลังงานสะอาดที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศ โดยมีความสนใจที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของการผลิตพลังงานทดแทนในหลายรูปแบบ ทั้งแสงอาทิตย์ ลม น้ำ และผลพลอยได้ทางการเกษตร โดยได้ นายคมสัณห์ ธัมมรัคคิต เข้ามาเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ดูแลสายงานธุรกิจพลังงาน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรธุรกิจเพื่อขอร่วมลงทุนในโครงการไฟฟ้า โดยใช้ขยะจากอุตสาหกรรมเป็นเชื้อเพลิง และยังเจรจากับพันธมิตรอีกรายเพื่อศึกษาร่วมลงทุนในธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO : Energy Service Company)
“นับว่า กรีน รีซอร์สเซส ได้ปรับแนวธุรกิจไปมาก และธุรกิจของบริษัทนับจากนี้จะมีความหลากหลายเพื่อให้รองรับต่อความเปลี่ยนไปของไลฟ์สไตล์ของคน และสอดคล้องต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจพลังงานสะอาดที่เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทฯ ตระหนักดีว่า การปรับตัวให้ทัน และสอดรับต่อเหตุการณ์นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ยิ่งปรับตัวได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีต่อบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ มากขึ้นเท่านั้น”
นายประทีป อนันตโชติ รองประธานกรรมการ บริษัท กรีน รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ GREEN เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางการดำเนินธุรกิจจากธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องเล่นอิเล็กทรอนิกส์ไปสู่สามธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อพลังงานสะอาด (Green Energy Business) โดยในส่วนของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้นเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่จะเน้น และให้ความสำคัญต่อการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเขตที่มีศักยภาพ และการเติบโตที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางการศึกษา เพื่อรองรับการเข้าสู่การเป็นประชาคมอาเซียน ทั้งนี้ กรีน รีซอร์สเซส ได้ประเดิมพัฒนาโครงการแรก คือ โครงการร็อคเซีย (เดิมชื่อโครงการตักสิลา) ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยโครงการประกอบด้วย อาคารที่พักอาศัยขนาด 4 ชั้น จำนวน 4 อาคาร รวมทั้งสิ้น 300 ยูนิต มูลค่าโครงการราว 175 ล้านบาท โดยปัจจุบัน อาคารร็อคเซีย 1 ซึ่งมีจำนวน 75 ยูนิต ก่อสร้างแล้วเสร็จ โอนไปแล้ว 18 ห้อง อีก 3 อาคารจะเริ่มดำเนินการโอนในเดือนมิถุนายน 2559 เนื่องจากอาคารดังกล่าวยังไม่เสร็จ 100% และเริ่มทยอยรับรู้รายได้แล้วประมาณ 25% นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้เข้าถือหุ้น 100% ในบริษัท โอริน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และดำเนินการบริหารการขายโครงการออริจินส์ บางมด-พระราม 2 ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม 19 ชั้น ประกอบด้วย ห้องพักอาศัย 371 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 1.6 ล้านบาท มีจุดเด่นที่เป็นโครงการที่มีทำเลที่ตั้งดี ติดถนนพระราม 2 สะดวกสบายในการเดินทาง อยู่ใกล้กับทางขึ้นลงทางด่วน และถนนวงแหวนรอบนอก ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชน ใกล้ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล และสถานศึกษาต่างๆ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายใน ได้แก่ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกายลอยฟ้า สวนลอยฟ้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขายอสังหาฯ ในโครงการดังกล่าวได้แล้ว 337 ยูนิต คิดเป็นร้อยละ 90.84 ของโครงการทั้งหมด ทั้งนี้ โครงการได้สร้างเสร็จพร้อมโอนตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันได้มีการโอน และเริ่มได้รับรู้รายได้แล้วประมาณ 270 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 43.60 ของโครงการที่มีมูลค่ารวม 619.40 ล้านบาท
“การเข้าซื้อหุ้นในบริษัทที่มีโครงการในมืออยู่แล้ว ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องรอนานเหมือนการพัฒนาโครงการใหม่ตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตาม กรีน รีซอร์สเซส ก็ยังมองหาโครงการที่จะพัฒนาเองควบคู่กันไปด้วย”
นอกเหนือจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บริษัทฯ ยังได้ถือหุ้น 99% ในบริษัท เอซีดี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด ที่ก่อตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาด (Green Energy Business) เนื่องจากเล็งเห็นถึงความต้องการด้านพลังงานที่เติบโตขึ้น ควบคู่กับความตระหนักในความจำเป็นที่จะใช้พลังงานสะอาดที่ดีต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศ โดยมีความสนใจที่จะศึกษาความเป็นไปได้ของการผลิตพลังงานทดแทนในหลายรูปแบบ ทั้งแสงอาทิตย์ ลม น้ำ และผลพลอยได้ทางการเกษตร โดยได้ นายคมสัณห์ ธัมมรัคคิต เข้ามาเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ดูแลสายงานธุรกิจพลังงาน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรธุรกิจเพื่อขอร่วมลงทุนในโครงการไฟฟ้า โดยใช้ขยะจากอุตสาหกรรมเป็นเชื้อเพลิง และยังเจรจากับพันธมิตรอีกรายเพื่อศึกษาร่วมลงทุนในธุรกิจบริษัทจัดการพลังงาน (ESCO : Energy Service Company)
“นับว่า กรีน รีซอร์สเซส ได้ปรับแนวธุรกิจไปมาก และธุรกิจของบริษัทนับจากนี้จะมีความหลากหลายเพื่อให้รองรับต่อความเปลี่ยนไปของไลฟ์สไตล์ของคน และสอดคล้องต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจพลังงานสะอาดที่เป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากในอนาคต ทั้งนี้ บริษัทฯ ตระหนักดีว่า การปรับตัวให้ทัน และสอดรับต่อเหตุการณ์นับเป็นสิ่งสำคัญยิ่งต่อการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน ยิ่งปรับตัวได้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีต่อบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ มากขึ้นเท่านั้น”
