บิวตี้ คอมมูนิตี้ ไตรมาสแรกกวาดรายได้ 529.91 ล้านบาท กำไรสุทธิ 129.22 ล้านบาท โตกระฉูด 70% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เผยยอดขายโตทุกช่องทางการจำหน่าย เดินหน้าขยายสาขาในประเทศ-ต่างแดน พร้อมเน้นทำตลาดออนไลน์เต็มสูบ ส่งซิก Q2 โตต่อเนื่อง มั่นใจทั้งปีรายได้โตทะลุ 20% หรือไม่ต่ำกว่า 2,100 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 20%
นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2559 ว่า บริษัทมีผลประกอบการที่ดีทั้งในแง่ของรายได้และกำไร โดยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 529.91 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 364.47 ล้านบาท จำนวน 165.44 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 45.39% และมีกำไรสุทธิ 129.22 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 76.00 ล้านบาท จำนวน 53.22 ล้านบาท หรือปรับตัวเพิ่มขึ้น 70.02% และมีอัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมที่มีอยู่ (Same Store Sale Growth ) เป็นบวกถึง 26.35%
โดยผลประกอบการของ BEAUTY ที่เพิ่มขึ้นอย่างโดดเด่น เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ BEAUTY BUFFET และ BEAUTY COTTAGE และ BEAUTY MARKET ได้รับความนิยมจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ อาทิ จีน ฮ่องกง และตะวันออกกลาง ส่งผลให้ยอดจำหน่ายปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนกระแสเศรษฐกิจ และกำลังซื้อที่ชะลอตัว
ขณะที่แผนการดำเนินงานในปีนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาทั้งใน และต่างประเทศ จากปัจจุบันมีสาขารวม 354 สาขา โดย ณ สิ้นปี จะเพิ่มจำนวนสาขารวมทั้งหมดเป็น 410 สาขา โดยแบ่งเป็นสาขาในประเทศ 360 สาขา และต่างประเทศในกลุ่มประเทศ CLMV คือ เวียดนาม พม่า ลาว และกัมพูชา จะมีสาขาทั้งหมด 50 สาขา โดยการขยายสาขาต่างประเทศจะเป็นลักษณะตัวแทนจำหน่าย และล่าสุดได้แต่งตั้งตัวแทนจำหน่ายในประเทศอินโดนีเซียอย่างเป็นทางการแล้ว จากเดิมที่มีการจำหน่ายในลักษณะโฮลเซล นอกจากนี้ บริษัทได้มีแผนพัฒนาทีมบริหารงานลูกค้าสัมพันธ์เพื่อดูแลช่องทางการจัดจำหน่ายในต่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตช่องทางนี้ในอนาคต ขณะที่ช่องทางออนไลน์ หรืออี-คอมเมิร์ซ ในปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยเติบโตสูงกว่า 70% ส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ BEAUTY ผ่านร้านสะดวกซื้อ “เซเว่น-อีเลฟเว่น (7-11)” ในปัจจุบันที่ขายผ่าน 7-11 จำนวน 900 สาขา ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก ส่งผลทำให้มียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทมีแผนขยายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมความงามเพิ่มเติมอีกในสาขาของ 7-11 ทั้งหมดกว่า 8,000 สาขา
สำหรับแนวโน้มตลาดเครื่องสำอางปีนี้ บริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่อง ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อ โดยคาดว่าปีนี้ตลาดเครื่องสำอางจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 7-8% ขณะเดียวกัน เชื่อว่าทิศทางธุรกิจจำหน่ายเครื่องสำอางของบริษัทในไตรมาส 2/59 จะเติบโตในเกณฑ์ที่ดีต่อเนื่อง จากแผนการขยายช่องทางการจำหน่ายทุกรูปแบบทั้งเพิ่มสาขาในประเทศ และต่างประเทศ รวมถึงช่องทางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ หรืออี-คอมเมิร์ซ ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจว่า รายได้รวมในปี 59 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% หรือไม่ต่ำกว่า 2,100 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้ และรักษาอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับไม่ต่ำกว่า 20%