ผู้ถือหุ้น เธียรสุรัตน์ ไฟเขียวจ่ายปันผลสำหรับปี 58 เป็นหุ้นในอัตรา 10:1 และเงินสดในอัตรา 0.02 บาท/หุ้น ค่าดเริ่มจ่ายได้วันที่ 19 พฤษภาคม 2559 นี้ พร้อมอนุมัติออกหุ้นกู้วงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท รองรับแผนขยายการลงทุนบอร์ด มั่นใจรายได้ กำไรสูงกว่าปีก่อนหน้า พร้อมบุกทำตลาดในลาว และเวียดนาม คาดได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 2/2559
นายวิรัช วงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เธียรสุรัตน์ หรือ TSR กล่าวในงานประชุผู้ถือหุ้นว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2559 เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา มีมติจ่ายปันผลสำหรับปี 2558 เป็นหุ้น และเงินสดในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นปันผล และเงินสดอีก 0.02 บาท หรือคิดรวมเป็นหุ้นละ 0.12 บาท (เมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลที่จ่ายเป็นเงินสดไปเมื่อเดือนกันยายน 2558 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นเงินปันผลรวมหุ้นละ 0.22 บาท) โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 9 พ.ค.2559 วันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ วันที่ 10 พ.ค.2559 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) 3 พฤษภาคม 2559 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2559
นอกจากนี้ ยังมีมติให้ลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จากเดิม 602,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียน 601,999,244 บาท โดยวิธีตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังมิได้นำออกจำหน่าย จำนวน 756 หุ้น ก่อนที่จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 662,199,169 บาท โดยออกหุ้นสามัญใหม่ จำนวน 60,199,925 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผล จำนวน 40,133,293 หุ้น และรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1 (TSR-W1) ที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากการปรับสิทธิ จำนวน 20,066,632 หุ้น และให้แก้ไขเพิ่มเติมหนังสือบริคณห์สนธิของบริษัทฯ ให้สอดคล้องต่อการลด และเพิ่มทุนจดทะเบียน
ขณะเดียวกัน ยังอนุมัติการออกหุ้นกู้ในวงเงินไม่เกิน 500 ล้านบาท อายุไม่เกิน 3 ปี เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ และ/หรือใช้ลงทุน และ/หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ
“บริษัทฯ มั่นใจว่า ผลการดำเนินงานในปี 2559 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท หรือเติบโต 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ที่มีรายได้รวม 1,617.28 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ มีแผนขยายไลน์สินค้าเพิ่มมากขึ้น และอยู่ระหว่างเจรจากับคู่ค้า เพื่อนำเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านอื่นๆ นอกเหนือจากเครื่องปรับอากาศ เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องซักผ้ามาจำหน่ายเพิ่มเติม ขณะเดียวกัน ยังมีแผนขยายการลงทุนไปยังประเทศลาว และเวียดนาม ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในไตรมาส 2/2559 นี้ เพื่อรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)”