xs
xsm
sm
md
lg

ผลประกอบการ บจ.ในประเทศต่างๆ ไม่สดใส นักลงทุนหันไปมองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


บล.เอเชีย เวลท์ คาดแนวโน้ม SET Index สัปดาห์นี้แกว่งแคบในกรอบ 1,347-1,374 จุด ก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ เชื่อปริมาณการซื้อขายน่าจะเบาบาง และนักลงทุนอาจมีการขายทำกำไรบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่ผลประกอบการ บจ.ในประเทศต่างๆ ส่งสัญญาณไม่ดี นักลงทุนอาจโยกเงินกลับไปไว้ที่สินทรัพย์เสี่ยงต่ำ

นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ กล่าวว่า สัปดาห์นี้ (11-12 เม.ย.) SET Index คาดว่า จะเคลื่อนไหวในกรอบแคบอยู่ที่ 1,347-1,374 จุด โดยตลาดฯ เปิดทำการ 2 วัน และปิดทำการช่วงเทศกาลสงกรานต์ ดังนั้น ปริมาณการซื้อขายน่าจะเบาบาง และนักลงทุนอาจมีการขายทำกำไรบางส่วนเพื่อลดความเสี่ยง

ด้านทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงผันผวนจากปัจจัยเรื่องราคาน้ำมันที่ยังคงไม่แน่นอน เพราะถูกกดดันจากปริมาณน้ำมันคงคลังที่ล้นตลาด โดยจะต้องติดตามการประชุมระหว่างประเทศกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC ตกลงเรื่องควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมันในวันที่ 17 เม.ย.นี้

ด้านปัจจัยอื่นๆ ความกังวลเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะขึ้น หรือไม่ขึ้นดอกเบี้ยเริ่มกลับมา ตลอดทั้งนักลงทุนเริ่มกลับมามีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกมากขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เผยรายงานจากการประชุมครั้งล่าสุดบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเท่าไรนัก

สำหรับภาพรวมในสัปดาห์นี้ จะเริ่มเข้าสู่ช่วงการประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ของบริษัทจดทะเบียนในประเทศต่างๆ ซึ่งนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า ไม่น่าจะดีนัก และล่าสุด ญี่ปุ่นประกาศตัวเลขเศรษฐกิจออกมาหลายตัวซึ่งชี้ไปในทิศทางไม่ค่อยดีนัก ทำให้เพิ่มน้ำหนักความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกเพิ่มขึ้นอีก

ทั้งนี้ จุดสนใจสำหรับสัปดาห์นี้อยู่ที่จีน ซึ่งจะมีตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวออกมา โดยเฉพาะ GDP ไตรมาส 1 ซึ่งตลาดมองว่า น่าจะออกมาไม่ค่อยดีเช่นกัน น่าจะส่งผลลบต่อภาพรวมตลาดโลก ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแทนสลับ

สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำหุ้น SAWAD คาดว่า จะมีกำไรเติบโตสวนสภาพเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัวอยู่ บริษัทเน้นทำธุรกิจปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้าที่ธนาคารไม่ปล่อยให้ โดยเรียกหลักประกันสูง และเรียกอัตราดอกเบี้ยสูง เราคาดว่าในไตรมาส 1 ผลประกอบการน่าจะออกมาดีมาก โดยคาดว่าสินเชื่อน่าจะโต 40% เมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า (YoY) ทั้งนี้ SAWAD มีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย (Net interest margin) สูงมากถึง 26% เมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ที่อยู่ที่ประมาณ 2%

แม้นักลงทุนส่วนใหญ่มักกังวลเรื่องคุณภาพสินเชื่อ โดยเฉพาะสัดส่วนหนี้สงสัยจะสูญ (NPL) ของ SAWAD ว่าจะสูง แต่ในความเป็นจริงแล้ว NPL ของ SAWAD มีแนวโน้มปรับตัวลง ล่าสุด อยู่ที่ 4.9% สูงกว่าธนาคารแต่ไม่มากนัก เนื่องจากมีจุดแข็งที่การตามทวงหนี้ที่มีประสิทธิภาพ

ด้านแผนธุรกิจ SAWAD มีแผนขยายธุรกิจเข้าไปใน CLMV (กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม) โดยใช้โมเดลธุรกิจเดียวกัน แต่อยู่ในขั้นเริ่มต้น ปัจจุบันรอธนาคารกลางเวียดนามอนุมัติใบอนุญาตประกอบการ และบริษัทมีแผนที่จะขยายสาขาในปีนี้ให้ได้รวมเป็น 2,000 สาขา

นอกจากนี้ บริษัทยังดำเนินธุรกิจการซื้อหนี้เสียของสถาบันการเงินมาบริหาร ปี 2558 ซื้อมา 1,000 ล้านบาท อัตราผลตอบแทน 30% ต่อปี ช่วยหนุนรายได้ โดยในปีนี้ผู้บริหารมีแผนที่จะซื้อหนี้เสียรวม 4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นรายได้ส่วนเพิ่มของ SAWAD

“ประเมินว่า SAWAD กำไรจะเติบโตในอัตราทบต้นสูงมาก 41.5% ในปี 2558-2560 ส่วน Technical เพิ่งเกิดสัญญาณซื้อในรายวัน โดยมีสัญญาณซื้อรายเดือนอยู่แล้ว ซึ่งบ่งชี้ว่าหุ้นอยู่ในแนวโน้มใหญ่ขาขึ้น แต่ก็มีสัญญาณขายในรายสัปดาห์ โดยเราให้ราคาเป้าหมายด้านพื้นฐานปีนี้ที่ 57 บาท” นายวรุตม์ กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น