xs
xsm
sm
md
lg

“TTA” ทุ่มงบลงทุน 9 พันล้าน ปรับกลยุทธ์รับงานเน้นมาร์จิ้นสูง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:

โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ คาดปีนี้จะพลิกกลับมามีกำไร เพราะไม่มีสินทรัพย์ด้อยค่า พร้อมปรับแผนกลยุทธ์เน้นงานที่มีมาร์จิ้นสูง บอร์ดเผยอนุมัติงบลงทุน 9,000 ล้านบาท จากเงินสดหมุนเวียนในมือเข้าซื้อกิจการ คาดได้ข้อสรุปชัดเจนอย่างน้อย 1 รายกลางปีนี้ ไม่หวั่นแปลงสิทธิ TTA-W4 และ TTA-W5 เพดานราคาสูง เพราะยังมีกระแสเงินสดเพียงพอ

นายวิทวัส เวชชบุษกร ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบริหารการลงทุน บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ หรือ TTA กล่าวในงานบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุนว่า บริษัทฯ ประมาณการแนวโน้มผลประกอบการปีนี้คาดว่าจะพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจากบริษัทได้ประกลยุทธ์การบริหารจัดการสินทรัพย์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ไม่มีสินทรัพย์ด้อย อีกทั้งยังมีแผนที่จะเข้าซื้อกิจการเพิ่ม โดยเตรียมงบลงทุนไม่น้อยกว่า 9,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปการซื้อกิจการอย่างน้อย 1 รายในครึ่งปีหลัง ขณะที่บริษัทเตรียมที่จะศึกษาปรับลดราคา TTA-W4 และ TTA-W5 หลังการใช้สิทธิที่มีราคาสูงกว่ากระดาน

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าผลประกอบการของบริษัทในปีนี้คาดว่าจะกลับมามีกำไร หลังจากที่บริษัทประสบปัญหาการขาดทุนกว่า 11,335.10 ล้านบาท ซึ่งประเด็นหลักที่ทำให้บริษัทกลับมามีกำไรในปีนี้ เนื่องจากบริษัทไม่มีสินทรัพย์ด้อยค่า ขณะที่ในส่วนของธุรกิจเดินเรือเทกอง บริษัทคาดว่าอัตราค่าระวางเรือจะปรับตัวลดลงมาอยู่ที่อยู่ที่ 5,000-6,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน จากปีที่แล้วอยู่ที่ 7,500 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน โดยบริษัทประเมินจุดคุ้มทุนของการเดินเรือโดยจะอยู่ที่ 7,000-8,000 เหรียญสหรัฐ/ลำ/วัน ส่งผลให้อาจไม่มีกำไรในส่วนของธุรกิจเรือเทกองในปีนี้ เนื่องจากค่าระวางเรือที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะปรับเน้นกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจนี้ใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง โดยจะเน้นการให้บริการเช่าเหมาลำกับลูกค้าในธุรกิจเฉพาะด้าน

ขณะที่ในส่วนของธุรกิจวิศวกรรมใต้น้ำ หรือเมอร์เมด ซึ่งมีผลประกอบการที่มีกำไร และเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทฯ จะเน้นควบคุมต้นทุนในการบริหารงานให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น และจะขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น ประเทศอิหร่าน จากปัจจุบันที่ให้บริการเฉพาะกลุ่ม ซาอุดิ อารัมโก บริษัทผู้ประกอบการด้านปิโตรเคมีในประเทศซาอุดีอาระเบีย ส่งผลให้บริษัทฯ มีงานในมือ หรือ Backlog ที่จะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้กว่า 250 ล้านเหรียญสหรัฐ

ด้านธุรกิจปุ๋ย และคลังสินค้าให้เช่า ของ บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ หรือ PMTA ในประเทศเวียดนามนั้น ได้มีการวางแผนที่จะขยายพื้นที่เช่าคลังสินค้าเพิ่มอีกประมาณ 8,000 ตารางเมตร จากปัจจุบันมีพื้นที่ทั้งหมด 42,000 ตารางเมตร ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากค่าเช่าคลังสินค้าเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส หรือ UMS ซึ่งประกอบธุรกิจ

ด้านบริการเชื้อเพลิงจากถ่านหิน โดยในปีนี้บริษัทฯ จะเน้นการขายถ่านหินมากขึ้น โดยตั้งเป้าไม่น้อยกว่า 2-3 แสนตัน มากกว่าปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 1.9 แสนตัน และเตรียมตั้งสำรองถ่านหินเก่าลดลง จากปีที่แล้วบริษัทฯ ได้ตั้งสำรองถ่านหินเก่าไป 270 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถือว่าเป็นเพดานที่สูงมากแล้ว

“สัดส่วนรายได้ของบริษัทฯ และบริษัทในเครือขณะนี้ แบ่งเป็นรายได้จากธุรกิจวิศวกรรมใต้น้ำ 50% ธุรกิจเดินเรือเทกอง 30% ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจถ่านหิน และธุรกิจปุ๋ย การให้เช่าคลังสินค้า ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะรักษาสัดส่วนให้น้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น”

นอกจากนี้ ในส่วนของงบลงทุนในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งบริษัทได้วางงบลงทุนไว้ที่ 9,000 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะใช้กระแสเงินสดที่มีอยู่ในปัจจุบัน จำนวน 13,000 ล้านบาท ในการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งมีการเจรจาเพื่อเข้าซื้ออยู่ในขณะนี้มีทั้งธุรกิจภายในประเทศ และต่างประเทศจำนวน 2-3 ราย และคาดว่าจะสามารถได้ข้อสรุปในการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวอย่างน้อย 1 รายภายในครึ่งปีหลังนี้ โดยกิจการในต่างประเทศจะเป็นธุรกิจบำบัดน้ำเสีย ขนาดธุรกิจประมาณ 500-600 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในส่วนของแผนการปรับลดราคา TTA-W4 และ TTA-W5 ที่จะแปลงสิทธิ ในวันที่ 24-30 มี.ค.นี้ ขณะนี้อยู่ในช่วงของการศึกษาที่จะกำหนดราคาที่เหมาะสม โดยราคาแปลงสิทธิที่ประเมินไว้คาดว่าจะอยู่ที่ 17-18 บาท ซึ่งถือว่าสูงกว่าราคาซื้อขายบนกระดานเฉลี่ยที่ 7 บาท อย่างไรก็ดี คณะกรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติแล้ว แต่หากปรับลดราคาแล้วยังไม่มีผู้มาใช้สิทธิบริษัทฯ ยืนยันว่าจะไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจเนื่องจากบริษัทฯ มีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ
กำลังโหลดความคิดเห็น