อาซีฟา กางแผนปี 2559 รายได้โต 15-20% จากปีก่อน เผยตุนงานในมือ 1,700 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปี 2559-2560 และอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่เพิ่ม ซึ่งจะช่วยหนุนงานในมือเพิ่มขึ้น เผยเดือน มี.ค.2559 นี้ บริษัทฯ กำลังดำเนินการย้ายฐานการผลิตจากบางบอน มารวมที่โรงงานแห่งใหม่ ถ.พระราม 2 คาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 50% และช่วยลดต้นทุนการผลิตทั้งค่าขนส่ง และการบริหารจัดการ
นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA เปิดเผยถึงแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2559 ยังเติบโตต่อเนื่อง พร้อมตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% จากปีที่ผ่านมา จากการเพิ่มขึ้นของงานในกลุ่มธุรกิจเดิมเป็นหลัก รวมถึงการรับรู้รายได้จากส่วนที่เหลือของโครงการรื้อถอนโรงไฟฟ้า และคาดว่ามาร์จิ้นจะดีขึ้นเนื่องจากไม่ต้องปรับปรุงต้นทุนโครงการรื้อถอนโรงไฟฟ้าอย่างเช่นปีที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกปีนี้การเติบโตจะไม่หวือหวา และเป็นไปตามฤดูกาล แต่งาน และ Backlog ของบริษัทฯ ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดี ปัจจุบันมีงานที่รอรับรู้รายได้อยู่ในมือประมาณ 1,700 ล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2559-2560 และอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่องซึ่งจะช่วยหนุนงานในมือเพิ่มขึ้น รวมทั้งการเพิ่มรายได้จากการเปิดสาขาในต่างจังหวัด และกำลังการผลิตเพิ่มจากการขยาย และรวมโรงงานมาไว้ที่เดียวกันกับโรงงานแห่งใหม่ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ช่วงเดือนมีนาคม 2559 นี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการย้ายฐานการผลิตมาจากบางบอน มารวมที่โรงงานแห่งใหม่ คาดว่าจะสามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 50% จากปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้ารายใหม่ๆ โดยใช้เงินลงทุนประมาณ 150 ล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวนี้รวมการเปิดสาขา 10 แห่งด้วย ทั้งนี้ การรวมโรงงานดังกล่าวจะช่วยลดต้นทุนค่าขนส่ง และการบริหารจัดการโรงงานด้วย นอกจากนี้ แผนที่จะเปิดสาขาในต่างจังหวัดก็คงดำเนินการต่อเนื่อง โดยเป้าหมายในการขยายสาขาเพื่อเปิดโอกาสให้แก่บริษัทฯ และลูกค้าในการซื้อขายสินค้าที่มีความหลากหลายเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งจัดหน่วยบริการสำหรับลูกค้าทั่วประเทศ และมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากการเปิด AEC โดยตอนนี้ได้รับพนักงานเพิ่ม และทำการฝึกสอนทักษะให้มีความพร้อมสำหรับการขยายสาขาไว้แล้ว
ส่วนโครงการรื้อถอนโรงไฟฟ้าที่ใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 420 ล้านบาท ซึ่งได้ทำการรื้อถอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และทำการขายไปแล้วส่วนหนึ่งคิดเป็นมูลค่าเกือบ 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลือเก็บ และทยอยขาย เนื่องจากความผันผวนของราคาโลหะ แต่คาดว่าโครงการดังกล่าวสร้างกำไรให้แก่บริษัทฯ ได้เล็กน้อย
“ทิศทางของอุตสาหกรรมที่มีความต้องการไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมสื่อสาร ศูนย์ข้อมูล Data Center ซึ่งเป็นธุรกิจที่เติบโต และเรามีผลงานมากมาย กลุ่มธุรกิจลงทุนโครงการพื้นฐานของประเทศ เช่น โครงการรถไฟฟ้าใน กทม. และปริมณฑล และคาดว่าจะมีการขยายไปยังต่างจังหวัดอีก ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้มีการรับงานรถไฟฟ้าสายสีแดงบางส่วนเพิ่ม ต่อจากสายสีม่วง สีน้ำเงิน และสายสีเขียว แผนการพัฒนา และนำสายไฟลงใต้ดินใน กทม. และจังหวัดใหญ่ กลุ่มโรงไฟฟ้าทั้งของรัฐบาล และเอกชน รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน โดยบริษัทฯ ยังมีการรับงาน และมีการประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง กลุ่มพัฒนาระบบสาธารณสุขทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยทั้งหมด อาซีฟา เป็นผู้นำที่มีผลงาน และความพร้อมในอุตสาหกรรม ซึ่งจะสร้างโอกาสเติบโตให้แก่บริษัทฯ ในอนาคต และสนับสนุนให้ผลประกอบการของบริษัทฯ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง” นายไพบูลย์ กล่าว
