นายแบงก์หวั่นเศรษฐกิจไทยไม่ฟื้นตัวตามคาด เหตุผู้บริโภคขาดความเชื่อมั่น ชี้แนวโน้ม GDP ไทยในปีนี้อาจเติบโตในทิศทางขาลงเพียง 2.5% เท่านั้น กดดันธนาคารวางมาตรการเข้มป้องกันหนี้เสีย NPL พุ่ง
นายญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB กล่าวในงานสัมมนา SCB Investment Symposium Thailand Ahead ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ยังมีแนวโน้มการปรับฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากผู้บริโภคยังขาดความมั่นใจในเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้การใช้จ่ายในประเทศน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งมีสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ไม่ขยายตัวมากนัก และเติบโตเพียงร้อยละ 1-2 เท่านั้น สะท้อนออกมาทำให้การเติบโตของ GDP ในปีนี้ยังเติบโตในทิศทางขาลงเพียง 2.5% เท่านั้น แม้ว่าจะมีแรงขับเคลื่อนมาจากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐที่คาดว่าจะมีการอัดฉีดเม็ดเงิน เพื่อกระตุ้นการลงทุนประมาณ 66,800 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกที่ยังเข้ามาช่วยสนับสนุนด้านสภาพคล่องในตลาดยังคงมาจากภาคการท่องเที่ยว ซึ่งคาดว่าจะเติบโตขึ้นไปในทิศทางบวกตามเป้าหมายที่วางไว้
“เมื่อ GDP เติบโตในทิศทางขาลง อัตราการขยายตัวของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ยังโตไม่มาก โดยสินเชื่อของธนาคารไทยพาณิชย์ คาดว่าจะเติบโตเพียง 4-6% โดยคาดว่ามาจากสินเชื่อรายใหญ่ขยายตัวที่ 4-6% ส่วนสินเชื่อขนาดกลางและขนาดย่อม โต 3-6% และสินเชื่อรายย่อยเติบโตในระดับ 3-5% ขณะที่ธนาคารอาจมีการเพิ่มมาตรการเข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมไม่ให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL เพิ่มขึ้นในเพดานไม่เกิน 3% จากที่ปีก่อนอยู่ที่ร้อยละ 2.8”
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังคงได้รับผลกระทบด้านความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจจีนที่ยังชะลอตัวลง และราคาน้ำมันที่ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวลดลง ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินของกลุ่มประเทศมหาอำนาจที่จะส่งผลต่อตลาดเงิน และตลาดทุนมากขึ้น
ดังนั้น นักลงทุนควรระมัดระวัง และไม่ควรวางใจต่อสถานการณ์เศรษฐกิจที่แม้จะฟื้นตัวขึ้น แต่คาดว่าจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรวางแผนการทำธุรกิจอย่างรอบคอบ พิจารณาจากปัจจัยรอบด้าน อีกทั้งควรบริหารความเสี่ยงเพื่อควบคุมต้นทุนที่มีอยู่ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ที่ต้องมีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
ขณะที่ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการ และผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวที่ประมาณ 3.6% จากการที่รัฐบาลกระตุ้นลงทุนในนโยบายโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีทิศทางการปรับตัวที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจเทียบกับบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยในปัจจุบัน ทั้ง SET และ mai จำนวน 640 บริษัท โดยบริษัทจดทะเบียนมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด 12 ล้านล้านบาท หรือเติบโต 1.8 เท่า ของ GDP ในประเทศ และในปีที่ผ่านมา ขณะที่ในรอบ 7 ปี บริษัทจดทะเบียนเหล่านี้มีเติบโตเกินกว่า 2 เท่า ส่วนกำไรของบริษัทจดทะเบียนกว่า 640 บริษัทในรอบปีที่ผ่านมา มีมูลค่ามากกว่า 7 แสนล้านบาท และผลตอบแทนจากการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมา เติบโตที่ 24% โดยอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ หรือ P/E Ratio ที่ 13-15 เท่า ซึ่งตลาดหุ้นไทยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 8 ใกล้เคียงตลาดหุ้นโลกที่ร้อยละ 8.5