โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ ตั้งเป้ารายได้ปี 2559 คาดจะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% พร้อมตั้งเป้าแผนระยะยาม 5 ปี ผลิตไฟฟ้าขายให้ได้ 3,000 เมกะวัตต์ พร้อมทุ่มงบลงทุนกว่า 18,000 ล้าน พัฒนาธุรกิจพลังงานในอนาคต
นายโกวิท จึงเสถียรทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายแผนงานองค์กร และรักษาการผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ หรือ GPSC กล่าวว่า บริษัทฯ ประมาณการคาดกำไรสุทธิในปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% เทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งมีกำไรสุทธิประมาณ 1,905.98 ล้านบาท โดยรายได้ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้นั้นจะมาจากโรงไฟฟ้านวนคร ขนาด 125 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ หรือ COD ปีนี้ โดยบริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนถือหุ้นในสัดส่วน 30% และคาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากการขายไฟเข้าบริษัทประมาณ 38 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังมีการเจรจาในการขายไอน้ำให้แก่โรงไฟฟ้าฟีนอล 2 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าของ PTTGC อีกด้วย
ขณะที่ในส่วนของแผนการลงทุนในต่างประเทศนั้น บริษัทฯ ได้ดำเนินการเข้าประมูลโรงไฟฟ้า 1 โครงการ ในประเทศอินโดนีเซีย ขนาดกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ โดยเป็นโรงไฟฟ้าแบบผสมผสาน ประกอบด้วย เจนเนอรัลแก๊ส ไบโอเทอร์มอล และไฮโดร ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปความชัดเจนได้ภายในปีนี้ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะเข้าไปประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย กำลังการผลิต 100-600 เมกะวัตต์อีกด้วย แต่คาดว่าโครงการดังกล่าวจะยังไม่สามารถสรุปความชัดเจนได้ภายในปีนี้
นอกจากนี้ ในส่วนของการลงนามความร่วมมือกับรัฐบาลพม่า ในการเข้าไปลงทุนโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ กำลังการผลิตรวมกว่า 3,400 เมกะวัตต์นั้น โดยขณะนี้อยู่ในช่วงของการรอความชัดเจนจากรัฐบาลพม่า เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่มีการเลือกตั้งไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยโครงการดังกล่าวแบ่งประเภทเป็นเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน กำลังการผลิต 2,500 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าจากแก๊สธรรมชาติ กำลังการผลิต 500 เมกะวัตต์ จำนวน 1 โรง และกำลังการผลิตขนาด 400 เมกะวัตต์ ซึ่งในเบื้องต้น เริ่มพัฒนาในส่วนของโรงไฟฟ้าจากแก๊ส ขนาด 400 เมกะวัตต์ ให้เสร็จเรียบร้อยก่อน อีกทั้งจะมีการแบ่งการลงทุนในโครงการดังกล่าวออกเป็นโครงการย่อยอีก 3 เฟส หรือประมาณ 140 เมกะวัตต์/เฟส คาดว่าในเฟสแรกได้นำเสนอรัฐบาลพม่าให้ก่อสร้าง 80 เมกะวัตต์ เนื่องจากมีข้อจำกัดในส่วนของปริมาณแก๊สที่มี ส่วนโครงการอื่นๆ จะเริ่มทยอยหลังจากได้รับการอนุมัติแล้ว
“เป้าหมายระยะยาว 5 ปี (2558-2562) บริษัทวางเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมไม่น้อยกว่า 2,800 เมกะวัตต์ โดยจะใช้เม็ดเงินในการลงทุนประมาณ 18,000 ล้านบาท ซึ่งเงินที่ได้จากการระดมทุนขายหุ้น IPO กว่า 10,000 ล้านบาท จะนำมาเป็นเงินที่ใช้หมุนเวียนในการลงทุน ส่วนเงินอีก 8,000 ล้านบาท จะเป็นเงินที่สามารถกู้ได้จากสถาบันการเงิน ซึ่งได้มีการรับรองวงเงินกู้จำนวนดังกล่าวนี้แล้ว และหากมีโครงการที่มีต้องใช้เงินมากกว่ากว่านี้ก็ยังสามารถกูได้อีกด้วย”
อย่างไรก็ดี ในส่วนของสัญญาขายไฟฟ้า ปัจจุบันบริษัทขายไฟไปแล้ว 1,900 เมกะวัตต์ โดยมีเป้าหมายในการขายไฟฟ้าเพิ่มอย่างน้อย 800-900 เมกะวัตต์ ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ 2,800-3,000 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทจะเน้นการเข้าไปลงทุนทำโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย ลาว พม่า เวียดนาม และญี่ปุ่น ทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 30%