นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TICON แถลงผลการดำเนินงานของกลุ่มไทคอนในปี 2558 ว่า “ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่กลุ่มไทคอนประสบความสำเร็จอย่างสูงด้วยการเพิ่มพื้นที่เช่าใหม่ได้ 383,825 ตารางเมตร หรือคิดเป็นอัตราเติบโตถึง 38% จากปี 2557 ที่มีพื้นที่ให้เช่าใหม่ 278,397 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่โรงงานของ TICON 69,275 ตารางเมตร พื้นที่คลังสินค้าของ TPARK 288,402 ตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าของ SLP ในประเทศอินโดนีเซีย 26,148 ตารางเมตร โดยกลุ่มไทคอนมีรายได้รวม 4,854 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 770 ล้านบาท จากรายได้ค่าเช่า และค่าบริการ รวมถึงการขายสินทรัพย์เข้า TREIT
“ถึงแม้ในปีที่ผ่านมา บริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก ตลอดจนสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของนักลงทุน แต่ผลการดำเนินงานที่เติบโตของกลุ่มไทคอนอย่างมีนัยสำคัญนี้ สะท้อนให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ถูกต้องของบริษัทฯ ที่เน้นเรื่องความพร้อมใช้ และอาคารที่มีคุณภาพสูงในทำเลที่ถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้น ในปีที่ผ่านมาไทคอนยังได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการชาวจีน นอกเหนือจากผู้ประกอบการญี่ปุ่นตามปกติ โดยส่วนใหญ่เป็นกิจการพลังงานทดแทน เช่น การผลิตแผงโซลาร์ และการประกอบชิ้นส่วน” นายวีรพันธ์ กล่าว
สำหรับทิศทางการดำเนินงานของกลุ่มไทคอนในปี 2559 นี้ นายวีรพันธ์ กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่บริษัทฯ มองเห็นโอกาสอย่างสูงจากการที่เปิดประตูการค้าเสรีอาเซียน ผนวกกับต้นทุนค่าก่อสร้าง และวัสดุก่อสร้างที่ลดลง ซึ่งสร้างโอกาสที่ดีสำหรับการขยายการลงทุนของบริษัทต่อไปในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงดำเนินงานตามแผนการลงทุนที่วางไว้ 5 ปี (พ.ศ.2558-2562) ภายใต้งบประมาณ 50,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในระดับอาเซียน โดยตั้งเป้าขยายพื้นที่โรงงาน และคลังสินค้าให้เช่าในปีนี้ประมาณ 280,000 ตารางเมตร และตั้งงบประมาณสำหรับลงทุนปี 2559 ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท เพื่อเสริมศักยภาพธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศ แบ่งเป็นงบลงทุนในโรงงานของ TICON 500 ล้านบาท และงบลงทุนคลังสินค้าของ TPARK 3,000 ล้านบาท ที่เหลือจะใช้สำหรับการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย 500 ล้านบาท โดยความคืบหน้าขณะนี้ได้เริ่มพัฒนาเฟส 2 ด้วยขนาดพื้นที่ 51,000 ตารางเมตร นอกจากประเทศอินโดนีเซียแล้ว ไทคอนยังมองเห็นการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในประเทศเวียดนาม ซึ่งนับเป็นอีกประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตในระยะยาว
ทั้งนี้ นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด หรือ TPARK กล่าวเสริมว่า “ในส่วนกลยุทธ์การตลาดของ TPARK ยังคงมุ่งเน้นการขยายพื้นที่คลังสินค้าในทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ซึ่งมองว่าในปีนี้ยังคงเป็นพื้นที่ใกล้กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยเฉพาะทำเลบางพลี และทำเลวังน้อย โดย TPARK มีที่ดินพร้อมใช้ในทำเลบางพลี 880 ไร่ และทำเลวังน้อยอีก 877 ไร่ เนื่องจากเป็นทำเลยุทธศาสตร์ในการกระจายสินค้ารองรับการขยายตัวของกลุ่มอุตสาหกรรมที่สำคัญหลากหลาย เช่น สินค้าอุปโภคบริโภค โมเดิร์นเทรด อีคอมเมิร์ซ และผู้ให้บริการด้านลอจิสติกส์ เป็นต้น ซึ่งในปีที่ผ่านมา TPARK ได้มีการเปิด และขยายคลังสินค้าใหม่เพื่อรองรับลูกค้าในกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักหลายราย ซึ่งเป็นการยืนยันความเชื่อมั่นในคลังสินค้าคุณภาพสูงในทำเลศักยภาพของ TPARK เช่น เนสท์เล่ สยามแม็คโคร ลอรีอัล และลินฟ้อกซ์ นอกจากนี้ ยังมีความต้องการจากลูกค้า E-Commerce เพิ่มขึ้นอย่างเช่น ลาซาด้า ส่วนทำเลต่างจังหวัดนอกเหนือจากทำเลขอนแก่นแล้ว ในปีนี้ยังพร้อมเปิดโครงการ TPARK ลำพูน ทางภาคเหนือ บนที่ดิน 139 ไร่ ขนาดพื้นที่เช่า 96,000 ตารางเมตร ซึ่งได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี โดยมีลูกค้ารายแรกตกลงเช่าคลังสินค้าในโครงการแล้ว 2,291 ตารางเมตร”
นอกเหนือจากกลยุทธ์ด้านทำเลยุทธศาสตร์แล้ว TPARK ยังคงให้ความสำคัญต่อนวัตกรรมในการก่อสร้าง และวิศวกรรมคุณค่าอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ลูกค้าของเรา รวมถึงตอกย้ำเรื่องคุณภาพ และความเชี่ยวชาญในการออกแบบคลังสินค้าที่ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า เช่น คลังสินค้าวัตถุอันตรายด้วยคุณภาพอันเป็นที่พึงพอใจของกรมโรงงานอุตสาหกรรม คลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ ตลอดจนคลังสินค้าสีเขียว หรือ LEED Building ซึ่งกลุ่มไทคอนเองนับเป็นผู้ประกอบการด้านการพัฒนาโรงงาน และคลังสินค้ารายแรกที่ริเริ่มการนำมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) มาใช้เพื่อสร้างโรงงาน และคลังสินค้าที่สามารถลดการใช้พลังงานในอาคาร และลดการส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศได้
ปัจจุบัน กลุ่มไทคอนยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจโรงงาน และคลังสินค้าให้เช่ารายใหญ่ในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีพื้นที่โรงงาน และคลังสินค้าให้เช่ารวมทั้งสิ้น 51 โครงการ ภายใต้การบริหารจัดการ 2,355,586 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่โรงงานของ TICON 1,118,705 ตารางเมตร และพื้นที่คลังสินค้าของ TPARK 1,236,881 ตารางเมตร