PPS เผยงบปี 58 ชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ การลงทุน เดินหน้าปรับกลยุทธ์คว้างานวิศวกรที่ปรึกษากลุ่มประเทศ AEC พร้อมลุยงานภาครัฐ และเอกชนในประเทศ มั่นใจปีนี้ธุรกิจแนวโน้มเติบโตดี โชว์ Backlog 300 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ 300 ล้านบาท พร้อมรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 35%
นายธัช ธงภักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส หรือ PPS กล่าวถึงผลประกอบการปี 2558 ของบริษัทว่า มีรายได้รวม จำนวน 238.92 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 266.81 ล้านบาท หรือลดลง 10% และมีกำไรสุทธิ จำนวน 3.39 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ จำนวน 17.72 ล้านบาท หรือลดลง 81%
ทั้งนี้ ผลประกอบการของบริษัทปรับตัวลดลงเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศ การลงทุนโครงการก่อสร้างทั้งของภาครัฐ และเอกชนมีการชะลอตัว ส่งผลให้ปริมาณงานวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทปรับตัวลดลงตาม อีกทั้งขนาดของโครงการของกลุ่มลูกค้าในบางธุรกิจมีขนาดเล็กลง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังสามารถทำกำไรได้ในระดับที่น่าพอใจ เนื่องจากมีการบริหารจัดการต้นทุนในด้านต่างๆ ที่สอดคล้องต่อสภาวะของธุรกิจ
สำหรับกลยุทธ์ในปีนี้บริษัทได้มีการปรับกลยุทธ์การดำเนินงานเพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ และรองรับการชะลอตัวของงานในประเทศ โดยบุกตลาดในกลุ่มประเทศ AEC มากขึ้น ปัจจุบันได้เริ่มเข้าไปรับงานในประเทศลาว กัมพูชา มาเลเซีย และอยู่ระหว่างการเดินหน้าขยายตลาดในประเทศพม่า มุ่งเน้นหาพันธมิตรทางธุรกิจที่มีความน่าเชื่อถือ พร้อมแนะนำธุรกิจ และบริการของ PPS ให้เป็นที่รู้จักของผู้ประกอบการในภาคธุรกิจต่างๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเข้ารับงานในอนาคต
ส่วนงานวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการก่อสร้างในประเทศ บริษัทเริ่มเข้ารับงานภาคเอกชนมากขึ้น โดยเป็นโครงการก่อสร้างในภาคธุรกิจค้าปลีก โรงพยาบาล คอนโดมิเนียม ขณะที่งานก่อสร้างในภาคไอที และท่องเที่ยวยังอยู่ระหว่างการเสนองาน ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมืออยู่ที่ 300 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ถึง ปี 2561 สำหรับงานโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐคาดว่าจะเริ่มเปิดประมูลโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เฟส 2 ได้ภายในไตรมาส 2 และโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินในไตรมาส 3 ซึ่ง PPS มีประสบการณ์การทำงานดังกล่าวเป็นอย่างดี และมีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลงานวิศวกรที่ปรึกษาบริหารโครงการด้วยเช่นกัน
“บริษัทฯ มีเป้าหมายในการรับงานที่หลากหลายมากขึ้น ทั้ง 3 ส่วน ประกอบด้วย งานใน AEC งานภาครัฐ ภาคเอกชน เพราะถ้าอนาคตงานส่วนไหนมีปัญหาก็จะมีอีกส่วนคอยเสริมรายได้ให้แก่บริษัท และสร้างการเติบโตได้อย่างมั่นคง ซึ่งในปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 300 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากลูกค้าใน AEC 10% งานภาครัฐ 30% งานภาคเอกชน 70% และรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 35%”
อย่างไรก็ตาม จากการประชุมของคณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 59 ให้จัดสรรกำไรเป็นเงินปันผลจากกำไรสุทธิของปี 58 ในอัตราหุ้นละ 0.0556 บาท เป็นจำนวนทั้งสิ้น 22.24 ล้านบาท เงินปันผลดังกล่าวจะจ่ายเป็นหุ้นปันผล จำนวน 20.00 ล้านบาท (หุ้นสามัญจำนวน 80 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.25 บาท) เเละเงินสดปันผล จำนวน 2.24 ล้านบาท ในวันที่ 19 พ.ค.59
นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 59 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออก เเละเสนอขายใบสำคัญเเสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทรุ่นที่ 1 (PPS-W1) จํานวนไม่เกิน 240 ล้านหน่วย ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม โดยไม่คิดมูลค่า (รวมทั้งผู้ถือหุ้นที่ได้รับหุ้นปันผล) อายุ 2 ปี 6 เดือน นับตั้งแต่วันที่ออกใบสําคัญแสดงสิทธิฯ ใบสําคัญแสดงสิทธิฯ 1 หน่วย มีสิทธิซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้ 1 หุ้น ราคาการใช้สิทธิเท่ากับ 0.40 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 59 เพื่อพิจารณาเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจาก 100 ล้านบาท (หุ้นสามัญ 400 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.25 บาท) เป็น 180 ล้านบาท (หุ้นสามัญ 720 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นละ 0.25 บาท) โดยหุ้นสามัญที่ออกใหม่ จำนวน 80 ล้านหุ้น ใช้เพื่อรองรับการจ่ายหุ้นปันผลดังกล่าว และหุ้นสามัญที่ออกใหม่จำนวน 240 ล้านหุ้น ใช้เพื่อรองรับการใช้สิทธิ PPS-W1