ซุปเปอร์บล๊อก เดินหน้าเข้าซื้อหุ้นธุรกิจพลังงานทดแทน 5 บริษัทรวด หวังเสริมสร้างขอบข่ายการดําเนินธุรกิจทางด้านธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ตามนโยบายรวมของบริษัท และพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และศักยภาพการทํากําไรในอนาคต
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จํากัด (มหาชน) หรือ SUPER แจ้งมติประชุมคณะกรรมการบริษัท ว่า ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จํากัด (SSE) ซึ่งถือหุ้น 100% ของทุนจดทะเบียน โดยบริษัทซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จํากัด (SUPERE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าทํารายการได้มาซึ่งสินทรัพย์โดยการลงทุนในโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยการเข้าซื้อหุ้นเดิม และเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท ศรีนาคา พาวเวอร์จํากัด(SNP)
โดย SSE จะเข้าลงทุนใน SNP ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิประโยชน์ในคําขอจําหน่ายไฟฟ้าระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และสิทธิประโยชน์ในสัญญาซื้ขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าภูมิภาค 6 โครงการขนาดรวม 36.0 เมกะวัตต์ จาก บริษัท เอ็น.พี.เอส.สตาร์กรุ๊ป จํากัด (NPS) โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 2,021.40 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของ SNP 122.40 ล้านบาท และมูลค่าโครงการซึ่งไม่รวมค่าที่ดินและทุนจดทะเบียนที่มีอยู่เดิม 1,899.00 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน SNPในสัดส่วน 49% ของทุนจดทะเบียน โดยมีสิทธิในการลงมติและรับเงินปันผลในสัดส่วน 51% ของจํานวนหุ้นของจํานวนหุ้นที่ออกและชําระแล้วทั้งหมด
นอกจากนี้ SUPER ยังเข้าซื้อ บริษัท พาวเวอร์ เทคโนโลยี อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (PTI) โดย SSE จะเข้าลงทุนใน PTI ซึ่งเป็นผู้ดําเนินการผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) 9 โครงการ ขนาดรวม 55.60 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้วทั้งหมด 9 โครงการ ขนาดรวม 55.60 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดไม่เกิน 3,441.44 ล้านบาท ประกอบด้วยมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของ PTI 272.44 ล้านบาท และมูลค่าโครงการซึ่งไม่รวมค่าที่ดินและทุนจดทะเบียนที่มีอยู่เดิม 3,169 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน PTI ในสัดส่วน 49% ของทุนจดทะเบียน
บริษัท เอ็นเนอร์จี เซิฟ จำกัด (ESERVE) ซึ่ง ESERVE เป็นผู้ดําเนินการผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) 13 โครงการ ขนาดรวม 81.45 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้ว 10 โครงการ ขนาดรวม 61.55 เมกะวัตต์ ส่วนอีก 3 โครงการ ขนาดรวม 19.90 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างขั้นตอนของการพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดรวมไม่เกิน 5,037.72 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของ ESERVE ทั้งทางตรงและทางอ้อม 403.72 ล้านบาท และมูลค่าโครงการซึ่งไม่รวมค่าที่ดินและทุนจดทะเบียนที่มีอยู่เดิม 4,634.00 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน ESERVE
บริษัท อินฟินิท อัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (IAE) ซึ่ง IAE เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ใน บริษัท รางเงิน โซลูชั่น จํากัด (RNS) สัดส่วน 99.98% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งการดําเนินการเข้าซื้อหุ้นสามัญดังกล่าวมีผลทําให้บริษัทเป็นผู้ถือหุ้นใน RNS โดยอ้อมผ่าน IAE โดย RNS มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าภูมิภาค 11 โครงการ ขนาดรวม 87.00 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าการเข้าทํารายการทั้งหมดรวมไม่เกิน 1,958.15 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าการซื้อหุ้นสามัญเดิมของ IAE 290 ล้านบาท เงินเพิ่มทุนใหม่ตามสัดส่วน 33% จํานวน 242.55 ล้านบาท และเงินกู้ยืมสถาบันการเงินตามสัดส่วน 33% จํานวน 1,425.60 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทํารายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน IAEในสัดส่วน 33% ของทุนจดทะเบียน
บริษัท อามานูฟ จำกัด (AMN) มีมูลค่าเงินลงทุนทั้งสิ้น 1,986.75 ล้านบาท ประกอบด้วย เงินส่วนที่ SSE จะต้องจ่ายชําระเป็นค่าซื้อหุ้นเดิมของ AMN ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิ 72 ล้านบาท และ เงินเพิ่มทุนใน AMN (ตามสัดส่วนการลงทุน 49%) 195.00 ล้านบาท และส่วนที่จะต้องชําระเพื่อการซื้อหุ้นบุริมสิทธิจากผู้ถือหุ้นรายอื่น 205.75 ล้านบาท รวมเป็น 472.75 ล้านบาท ซึ่งทุกบริษัทล้วนดำเนินธุรกิจพลังงานทดแทน
“การเข้าลงทุนในครั้งนี้เป็นการเสริมสร้างขอบข่ายการดําเนินธุรกิจทางด้านธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ตามแนวนโยบายรวมของบริษัท และคาดว่าจะได้รับประโยชน์โดยจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และศักยภาพในการทํากําไรของบริษัทในอนาคตด้วย” นายจอมทรัพย์ กล่าว