“ซุปเปอร์บล๊อก” เดินหน้าโครงการโซลาร์ฟาร์มเต็มสูบ หลังที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติซื้อกิจการโซลาร์ฟาร์มเพิ่ม 5 แห่ง รวมกำลังการผลิต 290 เมกะวัตต์ มั่นใจได้มาในราคาเหมาะสม มั่นใจหนุนรายได้ และกำไรโตแบบยั่งยืน เอื้อจ่ายปันผลเร็วขึ้น พร้อมโชว์ฐานเงินทุนแน่น ธนาคารใหญ่พร้อมซัปพอร์ต พร้อมเดินหน้าตามแผน
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์บล๊อก จำกัด (มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2558 มีมติอนุมัติให้บริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (SSE) ซึ่งถือหุ้น 100% ของทุนจดทะเบียน โดยบริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี กรุ๊ป จำกัด (SUPERE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเข้าลงทุนในโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตรวม 290.05 เมกะวัตต์ โดยการเข้าซื้อหุ้น และ/หรือรับโอนสิทธิ และ/หรือเพิ่มทุนใหม่ รวมทั้งสิ้น 5 รายการดังนี้
รายการที่ 1 อนุมัติการซื้อหุ้นและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท พาวเวอร์ เทคโนโลยี อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด (PTI) ทั้งนี้ PTI เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องต่อการผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) จำนวน 9 โครงการ ขนาดรวม 55.6 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันได้รับหนังสือแจ้งผลพิจารณาการรับซื้อไฟฟ้า (Letter of Intent “LOI”) ต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้ว โดยมีมูลค่าการเข้าทำรายการทั้งหมดไม่เกิน 3,719.44 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าโครงการประมาณ 3,447 ล้านบาท และมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของ PTI จำนวน 272.44 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทำรายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน PTI ในสัดส่วน 49% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมด
รายการที่ 2 อนุมัติการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิมและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท เอ็นเนอร์ จี เซิฟ จำกัด (ESERVE) ทั้งนี้ ESERVE เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินทั้งหมดที่เกี่ยวข้องต่อการผลิต และจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจาก Solar Cell จำนวน 13 โครงการ ขนาดรวม 81.45 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันได้รับ LOI ต่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคแล้ว โดยมีมูลค่าการเข้าทำรายการทั้งหมดรวมไม่เกิน 5,453.72 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าโครงการประมาณ 5,050 ล้านบาท และมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของ ESERVE ทั้งทางตรง และทางอ้อม จำนวน 403.72 ล้าน ซึ่งภายหลังการเข้าทำรายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน ESERVEในสัดส่วน 49% ของจำนวนหุ้นที่ออกและชำระแล้วทั้งหมด
รายการที่ 3 อนุมัติการซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นเดิม และเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท อินฟินิท อัลเทอร์เนทีฟ เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (IAE) ทั้งนี้ IAE เป็นผู้ถือหุ้นอยู่ใน บริษัท รางเงิน โซลูชั่น จำกัด (RNS) ในสัดส่วน 99.98% ของทุนจดทะเบียน โดย RNS มี PPA กับการไฟฟ้าภูมิภาคแล้ว จำนวน 11 โครงการ ขนาดรวม 87 เมกะวัตต์ โดยมีมูลค่าการเข้าทำรายการทั้งหมดรวมไม่เกิน 5,922 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าโครงการประมาณ 5,632 ล้านบาท และมูลค่าการซื้อหุ้นสามัญของ IAE 290 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทำรายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน IAE ในสัดส่วน 33% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมด
รายการที่ 4 อนุมัติการซื้อหุ้น และเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท อามานูฟจำกัด (AMN) โดย SSE จะเข้าลงทุนใน AMN ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิประโยชน์ในคำขอจำหน่ายไฟฟ้าระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และสิทธิประโยชน์ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าภูมิภาค จำนวน 5 โครงการ ขนาดรวม 30 เมกะวัตต์ จากบริษัท เอ็น.พี.เอส.สตาร์กรุ๊ป จำกัด (NPS) มีมูลค่าการเข้าทำรายการทั้งหมดไม่เกิน 2,056 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าโครงการประมาณ 1,860 ล้านบาท และมูลค่าการรับโอนสิทธิจาก NPS จำนวน 196 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทำรายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน AMN ในสัดส่วน 49% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมด
รายการที่ 5 อนุมัติการซื้อหุ้นและเพิ่มทุนใหม่ในบริษัท ศรีนาคา พาวเวอร์จำกัด (SNP) โดย SSE จะเข้าลงทุนใน SNP ซึ่งเป็นผู้รับโอนสิทธิประโยชน์ในคำขอจำหน่ายไฟฟ้าระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และสิทธิประโยชน์ในสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าภูมิภาค จำนวน 6 โครงการ ขนาดรวม 36 เมกะวัตต์ จาก NPS มีมูลค่าการเข้าทำรายการทั้งหมดไม่เกิน 2,392 ล้านบาท ประกอบด้วย มูลค่าโครงการประมาณ 2,232 ล้านบาท และมูลค่าการรับโอนสิทธิจาก NPS จำนวน 160.40 ล้านบาท ซึ่งภายหลังการเข้าทำรายการแล้วจะส่งผลให้ SSE เข้าถือหุ้นใน SNP ในสัดส่วน 49% ของจำนวนหุ้นที่ออก และชำระแล้วทั้งหมด
การลงทุนทั้ง 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 19,543.16 ล้านบาท สำหรับแหล่งเงินลงทุนที่จะใช้ในการลงทุนดังกล่าวจะมาจากการเพิ่มทุน และการแปลงสภาพวอร์แรนต์ โดยคาดว่าจะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 18,850 ล้านบาท โดยมาจากการแปลงสภาพวอร์แรนต์ รุ่นที่ 1, 2 และ 3 รวม 13,850 ล้านบาท และการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทไม่เกิน 2 พันล้านหุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด ในราคาหุ้นละ 2.50 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 5,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อที่ได้รับการอนุมัติจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ดังนั้น ในด้านของเงินทุนจึงไม่ใช่เรื่องน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม การเข้าทำรายการทั้ง 5 รายการนี้ส่งผลให้ล่าสุด บริษัทมี PPA 460 เมกะวัตต์ ซึ่งจะเอื้อประโยชน์โดยตรงต่อบริษัท โดยช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ และสร้างรายได้ในอนาคตให้แก่บริษัท นอกจากนั้น ราคาที่ตกลงในการเข้าทำรายการครั้งนี้เป็นราคาที่เหมาะสม และอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้ และผลกำไรที่เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นได้ในอนาคตอันใกล้นี้