“พฤกษา” ทุบสถิติปี 58 กวาดรายได้ 50,672 ล้านบาท โต 18.74% กำไร 7,680 ล้านบาท พร้อมเผยเหตุออกจากตลาดหลักทรัพย์ หวังใช้พฤกษา โฮลดิ้ง เดินหน้าลงทุนธุรกิจใหม่ๆ ทั้งใน และต่างประเทศเพื่อการเติบโตอย่างต่อเนื่องบรรลุเป้าหมายยอดขาย 1 แสนล้านบาทภายใน 5 ปี
นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 58 ที่ผ่านมา พฤกษาฯประสบความสำเร็จเติบโตขึ้นในทุกด้าน ทั้งยอดขาย รายได้ และกำไร นับเป็นสถิติรายได้ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 22 ปีของบริษัทฯ และเป็นสถิติใหม่ในวงการอสังหาริทมทรัพย์ไทย โดยสามารถทำรายได้ 50,672 ล้านบาท เติบโต 18.7% จากปี 2557 ที่มีรายได้ 42,702 ล้านบาท
ส่วนยอดขาย จำนวน 42,386 ล้านบาท เติบโต 8.4% จากปี 2557 ที่มียอดขาย 39,090 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 7,680 ล้านบาท เติบโต 15.4% จากปี 2557 ที่มีกำไรสุทธิ 6,655 ล้านบาท โดยผลประกอบการที่เติบโตสูงขึ้นมาจากการที่บริษัทฯ มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่เป็น Real Demand ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการซื้อเพื่อการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง
แจงปรับโครงสร้างหวังดันรายได้แตะแสนล้าน
นายทองมา กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ขอถอนหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งภายใต้ชื่อบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 10,000 ล้านบาท โดยจะเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของบริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทฯ ด้วยการแลกหุ้นในสัดส่วน 1:1 กับบริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง ก่อนที่จะนำบริษัทโฮลดิ้งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แทน ซึ่งผู้ถือหุ้นจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเสนอที่ประชุมกับผู้ถือหุ้นอนุมัติในช่วงเดือนเมษายนนี้ ซึ่งหากผู้ถือหุ้นอนุมัติเรียบร้อยแล้ว บริษัทจะทำการยื่นเรื่องขอออกจากตลาดหลักทรัพย์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. พร้อมกับนำบริษัท พฤกษาโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เข้าตลาดหลักทรัพย์ใหม่อีกครั้ง ทั้งนี้ คาดว่าการดำเนินการทั้งหมดน่าจะแล้วเสร็จได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2559 ซึ่งภายหลังการปรับโครงสร้างธุรกิจบริษัทคาดว่าในช่วง 5-10 ปีแรกจะมีรายได้จากธุรกิจหลักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายในสัดส่วน 80% ส่วนรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ประมาณ 20%
การปรับโครงสร้างดังกล่าวจะเป็นการเพิ่มความหลากหลายในการทำธุรกิจเพื่อกระจายความเสี่ยง นอกเหนือจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเพียงอย่างเดียว ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินธุรกิจใหม่ได้ในปีหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ถึง 100,000 ล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้า หรือปี 63 ทั้งโฮลดิ้งฯ ขณะเดียวกัน ตั้งเป้าหมายรายได้จากธุรกิจใหม่ปีละ 5,000-15,000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป
สำหรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ของพฤกษา โฮลดิ้ง จะต้องเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ระยะยาวทั้งที่เกี่ยวเนื่องต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หรือเป็นธุรกิจอื่นทั้งใน และต่างประเทศ เช่น อาคารสำนักงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า อพาร์ตเมนต์ เป็นต้น ซึ่งการลงทุนในธุรกิจใหม่อาจมีหลากหลายรูปแบบทั้งการลงทุนเอง ซื้อกิจการ ร่วมทุนกับพันธมิตร โดยธุรกิจใหม่ที่จะลงทุนจะต้องมี 3 ส่วนหลัก คือ 1.ต้องเป็นธุรกิจที่สามารถกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจเดิมได้ 2.ต้องเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนไม่น้อยกว่าธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่บริษัทดำเนินการอยู่ และ 3.ต้องเป็นดิวที่สามารถเจราต่อรองได้
“เราศึกษาธุรกิจใหม่นี้มาตั้งแต่เดือน ต.ค.58 ที่ผ่านมา เพื่อต้องการบรรลุเป้าหมายรายได้แสนล้านบาท ซึ่งก็คุยมาเรื่อยๆ แต่ยังไม่ค่อยชัดเจน เนื่องจากเห็นว่าช่วงที่ผ่านมามีกลุ่มทุนที่เข้ามาใหม่ เช่น เบียร์สิงห์ ที่เข้าสู่ตลาดอสังหาฯ ทำให้เราต้องปรับตัว แม้ว่าจะเป็นแชมป์อสังหาฯ ใน กทม.และปริมณฑล แต่ธุรกิจคอนโดมิเนียมมีส่วนแบ่งทางการตลาดลดลงอย่างเห็นได้ชัด หรือลดลง 5% โดยขณะนี้กำลังศึกษาหลายธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อธุรกิจบริการ ทั้งโรงพยาบาล สวนสนุก โรงงาน ห้างสรรพสินค้า อาคารสำนักงาน ซึ่งจะมีความชัดเจนปีหน้า โดยเริ่มจากการลงทุนในประเทศก่อน พร้อมทั้งเปิดโอกาสที่จะหาพันธมิตรร่วมทุนหากเป็นธุรกิจที่ไม่ชำนาญ” นายทองมา กล่าว
ด้าน นายเลอศักดิ์ จุลเทศ รองประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการ เปิดเผยว่า การที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จมาจากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่าง Pruksa Precast และ Pruksa REM มาใช้ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย รวมถึงมีการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงคุณภาพทุกกระบวนการก่อสร้าง รวมถึงวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ จึงส่งผลให้รอบธุรกิจโดยเฉพาะโครงการจัดสรรแนวราบ (ทาวน์เฮาส์ และบ้านเดี่ยว) ของบริษัทสั้นลง จากระยะเวลาจองถึงโอน (Business Cycle Time) ลดลงเหลือเพียง 79 วัน จากปี 2557 ที่ใช้ระยะเวลา 87 วัน ขณะที่คอนโดมิเนียมใช้ก่อสร้างลดลงจาก 817 วัน เหลือ 739 วัน ทำให้เกิดการหมุนเวียนของทรัพย์สินที่รวดเร็ว และทำให้บริษัทฯ มีรายได้ และกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น
อัดแคมเปญ “Pruksa Best Buy Moment 2016”
นอกจากนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลผ่านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ให้สิทธิลดหย่อนค่าธรรมเนียมการโอน และค่าจดจำนองเหลือเพียง 0.01% โดยจะสิ้นสุดในเดือนเมษายนนี้ บริษัทจึงได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอีกครั้ง หลังจากที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูงในปีที่ผ่านมาที่สร้างยอดขายได้ถึง 2,347 ยูนิต มูลค่ารวม 6,665 ล้านบาท ภายใต้ชื่อ “โอกาสทองของคนรักบ้าน Pruksa Best Buy Moment 2016” ระหว่างวันที่ 1 มีนาคม-28 เมษายน 2559 โดยจะมีการมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าได้รับโชคถึง 3 ชั้น เมื่อเลือกซื้อบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮาส์ หรือคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ของพฤกษาในโครงการใดก็ได้ที่มีถึง 157 โครงการ สำหรับโชค 3 ชั้น ประกอบด้วย ชั้นที่ 1 รับสิทธิพิเศษทันทีที่แต่ละโครงการมอบให้ ชั้นที่ 2 รับส่วนลดพิเศษเพิ่มอีกสูงสุดถึง 2% และชั้นที่ 3 รับสิทธิลุ้นรางวัลใหญ่เป็นรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ และทองคำ รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท