สาวน้อยวัย 26 ทายาทนักการธนาคารรุ่นที่ 4….ปอนด์ หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา ลูกสาวคนโต ของ ม.ล อยุทธ์ ไชยันต์ และ รัชฎา ไชยันต์ ณ อยุธยา นักประชาสัมพันธ์ และการตลาดที่ผันชีวิตจากอาชีพนักบัญชี ...สู่ธุรกิจที่ใจรัก และหลงใหล
นับว่า ปอนด์...หฤทัย ได้สืบเชื้อสายนักการเงินการธนาคารมาตั้งแต่เสด็จปู่ทวด พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าไชยันมาคล กรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย พระบิดาแห่งการธนาคารไทย ต่อเนื่องมาถึงท่านทวด พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าวิวัฒนไชย ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยพระองค์แรก รวมทั้งคุณปู่ และคุณพ่อ คือ ม.ร.ว.ไชยวัฒน์ และ ม.ล.อยุทธ์ ก็เป็นนักการธนาคารทั้งคู่ ปอนด์จึงถือว่ามีโอกาสจะเป็นทายาทรุ่นที่ 5 ที่จะมาสายงานการธนาคาร
จากรั้วโรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย ปอนด์ ถูกปลูกฝังในการเป็นทายาทนักการธนาคาร เพราะครอบครัวส่วนมากทำงานสายการธนาคารมาตั้งแต่สมัยปู่ทวด รวมถึงการเลี้ยงดูที่อยู่ในกรอบตลอด ...ประกอบการที่ชื่นชอบการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เป็นชีวิตจิตใจ จึงได้เลือกเข้าเรียนในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้อย่างที่ตั้งใจ
ปอนด์ เล่าว่า ตอนที่เข้าเรียนที่คณะบัญชี ได้ช่วยทำกิจกรรมของคณะ โดยได้รับเลือกเป็นเชียร์ลีดเดอร์ ซึ่งช่วงแรกทำให้เกรดตกเพราะสนุกกับกิจกรรมที่ทำ แต่ก็สุดท้ายก็จบมาด้วยเกรดสามนิดๆ ค่ะ และช่วงปีสาม ได้มีโอกาสฝึกงานที่บริษัท ไพร้ซวอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส เอบีเอเอส จํากัด (พีดับบลิวซี) สุดท้ายตอนสำเร็จการศึกษาก็เลยตัดสินใจทำงานที่เดียวกับที่เคยฝึกงานมา
หลังจากลงมือทำงานได้กว่าครึ่งปีจึงได้เรียนรู้ว่า การฝึกงานที่ไมได้เปิดให้ลงลึกถึงรายละเอียดมากนัก ทำให้ปอนด์คิดว่าน่าจะพอทำงานด้านนี้ได้ เลยตัดสินใจทำงานในสายงานที่เคยฝึกงานมา เมื่อได้ลงมือทำงานจริงจึงค้นพบว่า งานตรวจสอบบัญชีที่เป็นงานที่เคร่งเครียด ราวกับว่าเป็นการไปจับผิดคนอื่น รวมถึงการที่มองการทำงานของ คุณแม่ น่าสนุกกว่าสายงานบัญชี จึงทำให้ ปอนด์ ตัดสินใจลาออกในที่สุด แล้วเดินทางไปเรียนต่อการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยบาธ ประเทศอังกฤษ
“ปอนด์ ชอบ และสนใจในแฟชั่นตั้งแต่เด็กๆ ชอบแต่งตัว ชอบชอปปิ้ง จริงๆ แต่งตัวเรียบๆ แต่ต้องสวย และดูดีไว้ก่อนเป็นอันดับแรก จึงทำให้ความฝันที่อยากทำธุรกิจเสื้อผ้าสักครั้งในชีวิต โดยที่ช่วงที่เรียนต่อปริญญาโท ที่บาธ ประเทศอังกฤษ ได้เจอ พี่เค้ก ปริญญา กิ่งรุ้งเพชร รุ่นพี่ที่คณะบัญชีจุฬา ที่มีความชอบ และความฝันเหมือนกัน จึงได้เริ่มก่อตั้งแบรนด์ “HATTIYA” เสื้อผ้าผู้หญิงที่เน้นแพตเทิร์น และโทนสีเรียบๆ สามารถเลือกหยิบใช้ได้ทุกสถานการณ์ “
“HATTIYA” ... หรือ “หทิยา” ได้เกิดบนอินสตราแกรมครั้งแรกเมื่อต้นปี 2557 จากการร่วมแรงร่วมพลังจากสามสาว และช่างตัดเย็บประจำตัว ปอนด์ ฝีมือสุดเนี้ยบ โดยมีลูกค้าเป้าหมายระดับ B+up ราคาค่อนข้างสูง แต่ได้เสื้อผ้าเรียบหรู ดูดี เน้นเสริมบุคลิกผู้ใส่ จึงทำให้ช่วงแรกได้รับการตอบรับน้อยมาก
แผนการตลาดนอกจากจะทำการพีอาร์แล้ว เราคิดว่าเสื้อผ้าของเราเน้นคุณภาพการตัดเย็บที่เนี้ยบ แบบออกเป็นเรียบหรู ดูดี เป็นเอกลักษณ์ของ HATTIYA จึงได้ไปออกป็อปอัป สโตว์ ครั้งแรกที่ เอ สแควร์ สุขุมวิท 26 เมื่อลูกค้าได้เห็นด้วยตา สัมผัสเนื้อผ้าจริงๆ ประกอบกับการตัดเย็บที่มีคุณภาพ เราจึงไม่ได้แค่ลูกค้าที่ตอบรับอย่างดียิ่ง แต่ยังได้พรีออเดอร์อย่างมากมายเกินความคาดหมาย
“มันเป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมที่ทำให้เรามั่นใจ และมุ่งมั่นในการต่อยอดธุรกิจนี้ตลอดมาช่วงแรกก็ไปออกป็อปอัปประมาณเดือนละครั้ง ไปออกบ่อยไม่ได้ เพราะปัญหาที่ตามมาคือเรื่องการผลิตไม่ทันขาย ช่างตัดเย็บเจ้าประจำต้องเลิกรับงานอื่นๆ หันมาผลิตให้กับ หทิยา โดยเฉพาะ
ปอนด์ และพี่เค้ก พิถีพิถันในการเลือกช่างมาร่วมงานมากๆ เพราะคุณภาพการตัดเย็บที่ดี ในราคาที่เหมาะสม จับต้องได้จริง เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด และถือเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ แม้ว่าจะเสียรายได้ไม่น้อยจากการผลิตสินค้าไม่ทันต่อความต้องการ แต่ต้องยอมเพื่อให้คุณภาพที่ดีตามมาตรฐานของ HATTIYA
ปอนด์ เล่าต่อว่า นอกจากขายออนไลน์ และออกป็อปอัป สโตว์เป็นบางคราวแล้ว เราตัดสินใจวาง “หทิยา” ขายในร้านมัลติแบรนด์อย่าง “เอสโอเอส” (SOS) สยามสแควร์ซอย 6 เพื่อเป็นช่องทางที่จะให้ลูกค้าได้ลองสวมใส่ได้ด้วย ส่วนตลาดออนไลน์ก็ไปได้ดีมาก นอกจากลูกค้าในประเทศแล้ว ยังได้รับความสนใจจากต่างประเทศเช่น จีน กัมพูชา และสิงคโปร์ โดยเฉพาะจีน เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ เค้าจะสั่งสินค้าที่ละเป็นสิบชุดไปขายต่อ
“จากการที่แบรนด์ HATTIYA ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เราก็เลยตัดสินใจไปลงเรียนด้านการออกแบบแฟชั่น ควบคู่กับการวางแผนพัฒนา และขยายธุรกิจ เพื่อเป็นการหาความรู้เพิ่มเติม และเสริมสร้างประสบการณ์ในการต่อสู้กับคู่แข่งขัน”
ในอนาคตนอกจากการที่จะตั้งออฟฟิศ มีทีมทำงานเพื่อรองรับการเติบโตของแบรนด์ และการขยายตลาดสู่ต่างประเทศแล้ว อยากเปิดร้านของตัวเองมากค่ะ นั่นคือความฝัน เป็นร้านแนวไลฟ์สไตล์ คาเฟ่ สำหรับลูกค้าชวนกันมาแฮงก์เอาต์ เพราะเราและเพื่อนๆ ก็ชอบไปกัน จึงอยากรวมทุกอย่างที่รัก และฝันไว้ในที่เดียวกัน
“คุณพ่อ ยังไม่อยากให้ทำแบบจริงจัง แต่เห็น ปอนด์ มีความสุขกับสิ่งที่ทำก็ไม่ได้ว่าอะไร และยังคอยเป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำ รวมถึงการให้การสนับสนุนในด้านต่างๆ คอยสอนให้มีความอดทน ต่อสู้กับปัญหา”
คติการทำงานของปอนด์ คือ “พยายามสนุกกับงาน ถึงแม้จะมีปัญหาอุปสรรคเข้ามาก็จะพยายามคิดในแง่ดี เพราะตัวเองเป็นคนเครียดงาน ไม่ว่าจะตอนเรียน หรือมีอะไรที่ผ่านในชีวิต พอเครียดแล้วจะรู้สึกแย่มากๆ แต่เมื่อมาทำงานด้านนี้ที่รู้สึกสนุกอยู่กับงานอยู่แล้ว เมื่อมีปัญหาจึงพยายามอดทน และต่อสู้กับปัญหาค่ะ”