“ดร.ซุป” ชำแหละโครงสร้าง ศก.ไทยอ่อนแอ เตือนระบบการเงินอย่าสูบกำไรจนไม่ลืมหูลืมตา

“ศุภชัย” เตือนไทยอย่าเน้นกระตุ้นจีดีพีสูงเกินความเป็นจริง แต่ต้องเตรียมพร้อมรับมือต่อปัญหา และปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง เพราะเศรษฐกิจจะโตได้ต้องมีการลงทุนภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และมีการลงทุนเพิ่มของภาคเอกชน ชี้เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง ขณะที่เศรษฐกิจไทยเองยังมีความอ่อนแอ หากระบบการเงินยังคำนึงถึงการทำกำไรโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของสินเชื่อ อาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต โดยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เอ็นพีแอลถือว่าน่าเป็นห่วง แนะไทยเร่งปรับตัวรับมือความผันผวน

นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรืออังค์ถัด กล่าวในงานสัมมนา “TMB Economic Forum” ส่องเศรษฐกิจโลก เจาะธุรกิจไทยปี 2016″ เพื่อให้ข้อมูลแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี พร้อมวิเคราะห์ธุรกิจดาวรุ่ง และธุรกิจเสี่ยงของไทย โดยระบุว่า เศรษฐกิจโลกยังมีความเปราะบาง ขณะที่เศรษฐกิจไทยเองยังมีความอ่อนแอ หากระบบการเงินยังคำนึงถึงการทำกำไรโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพของสินเชื่ออาจจะมีปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต จึงต้องระมัดะวังการปล่อยสินเชื่อ เพราะการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ใน 2-3 ปีที่ผ่านมาถือว่าน่าเป็นห่วง

ส่วนเศรษฐกิจไทยควรจะเติบโตได้ร้อยละ 2-3 ในภาวะที่การค้าโลกขยายตัวร้อยละ 3-4 ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวตามปกติ ไม่ควรให้ความสำคัญเรื่องตัวเลข แต่ต้องเตรียมร้อมรับมือต่อปัญหา และปฏิรูปเชิงโครงสร้างอย่างจริงจัง เพราะมองว่าเศรษฐกิจจะโตได้ต้องมีการลงทุนภาครัฐอย่างต่อเนื่อง และมีการลงทุนเพิ่มของภาคเอกชน เพราะจากตัวเลขล่าสุด พบว่า การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัว และยังเห็นว่าการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ โดยการสนับสนุนให้สร้างหนี้นั้นเป็นอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจ เพราะรายได้ขั้นต่ำ และรายได้ภาคเกษตรหดตัว แต่หนี้ครัวเรือนกลับสูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง

นายศุภชัย กล่าวว่า สิ่งที่ต้องระมัดระวัง คือ การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจโลก เพราะยุโรปยังมีปัญหาหนี้ และราคาโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำ ทำให้บางประเทศ หรือบางบริษัทถึงขั้นล่มสลายได้ ซึ่งจะกระทบต่อเนื่องไปยังระบบการเงินที่มีความเชื่อมโยงกัน ดังนั้น ไทย และเอเชียต้องตามประเทศมหาอำนาจที่จะมีผลต่อเศรษฐกิจการค้าโลกให้ทัน เช่น เรื่องของทีพีพี ที่จะมาแทนดับบลิวทีโอ ซึ่งอาจทำให้ไทยเสียเปรียบได้จึงต้องใช้การวมกลุ่มเออีซีให้เป็นประโยชน์มากขึ้น เพราะในอนาคตเออีซีจะเป็นตัวกำหนดการค้าโลกได้ แต่ต้องมีการรวมพลังให้มีความเข้มแข็งมากกว่าที่ผ่านมา

นายไตรรงค์ บุตรากาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ทีเอ็มบี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสโตร้อยละ 3-3.5 การส่งออกคาดว่าไม่ขยายตัว ส่วนภาพรวมธุรกิจเอสเอ็มอีไทยปี 59 มองว่ายังมีโอกาสเติบโตได้ร้อยละ 4-5 จากการลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อเร่งการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ

ส่วนเรื่องของหนี้เสียของธนาคาร ยืนยันว่า ระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมา ธนาคารดูแลมาโดยตลอด หารือกับกลุ่มลูกค้าที่มีปัญหาเพื่อช่วยเหลือสภาพคล่องทางธุรกิจ