ทีเอ็มบี รับ 4 เดือนแรกสินเชื่อเอสเอ็มอีแทบไม่ขยับ ระบุจากเศรษฐกิจฟื้นช้า พร้อมออกผลิตภัฑณ์ใหม่ “ทีเอ็มบี เอสเอ็มอี 3 เท่า พลัส” ให้วงเงิน 3 เท่าของหลักทรัพย์ บวกวงเงินหมุนเวียน 50% และวงเงินสำรองสินค้าอีก 30 วัน หลังพบผู้ประกอบการบางส่วนขาดสภาพคล่อง แบงก์ไม่ปล่อยกู้ต่อ ตั้งเป้าหมื่นล้านในปีนี้
นายไตรรงค์ บุตรากาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB)เปิดเผยว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปีที่ผ่านมา สินเชื่อผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ของธนาคารเติบโตเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งในปีนี้ธนาคารเองก็ไม่เน้นการเติบโตของสินเชื่ออยู่แล้ว แต่จะมุ่งในทางเสริมสภาพคล่องช่วยเหลือลูกค้า การให้ความรู้ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจเป็นหลัก พร้อมกันนั้น ก็เน้นหารายได้ค่าธรรมเนียมเป็นหลัก
“ตอนนี้เท่าที่ดูก็จะพบว่าผู้ประกอบเอสเอ็มอีส่วนใหญ่จะมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง การเข้าถึงเงินทุน เนื่องจากเศรษฐกิจซบเซามาเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีผู้ประกอบการในส่วนที่มีศักยภาพดีได้รับผลกระทบไปด้วย ดังนั้น ในช่วงนี้ก็ต้องเน้นในด้านการช่วยเหลือเป็นหลัก ส่วนเอ็นพีแอลของเราก็เพิ่มขึ้นบ้างแต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ไม่น่าเป็นห่วง”
ล่าสุด ธนาคารได้ออกผลิตภัณฑ์ สินเชื่อทีเอ็มบี เอสเอ็มอี 3 เท่า พลัส มุ่งตอบโจทย์ให้แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่มียอดขายไม่เกิน 50 ล้านบาทต่อปี โดยสิ่งที่ลูกค้าจะได้รับคือ ได้รับวงเงินสูงสุดถึง 3 เท่าของหลักทรัพย์ค้ำประกัน ให้วงเงินหมุนเวียนเผื่ออนาคตอีก 50% ทันทีจากความต้องการเงินทุนหมุนเวียนปกติ และให้วงเงินสำรองสินค้าอีก 30 วัน ลูกค้าจะได้รับการอนุมัติ และรับเงินได้ไวภายใน 15 วันทำการ เพื่อให้ทุกปัญหาที่ลูกค้าธุรกิจเคยประสบมาสามารถแก้ไขได้ด้วย สินเชื่อทีเอ็มบี เอสเอ็มอี 3 เท่า พลัส แบบครั้งเดียวจบ และเพื่อตอบสนองลูกค้าเอสเอ็มอีด้านบริการอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด
นอกจากนี้ ทีเอ็มบี มีทีมผู้จัดการลูกค้าสัมพันธ์ (Relationship Manager) กว่า 700 คน ที่คอยดูแลลูกค้า และยังมีทีมงานเฉพาะที่ให้คำปรึกษาด้านสภาพคล่องอีกกว่า 60 คนทั่วประเทศ
สำหรับเป้าหมายของผลิตภัณฑ์สินเชื่อ ทีเอ็มบี เอสเอ็มอี 3 เท่า พลัส ในปีนี้ คือ ต้องการขยายฐานลูกค้าใหม่ 2,000-3,000 ราย ในวงเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยมีแผนการตลาดให้เข้าถึงลูกค้าผ่านสื่อหลัก เช่น หนังโฆษณา เรื่อง “หายเข้ากลีบเมฆ” ที่จะออกอากาศทางโทรทัศน์พร้อมสื่ออื่นๆ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
นายไตรรงค์ กล่าวอีกว่า เราถือว่าช่วงที่บางธนาคารไม่ชะลอ หรือหยุดปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอี เพราะเป็นห่วงเรื่องความเสี่ยง จะเป็นโอกาสเปิดให้แก่เรามากขึ้น ซึ่งจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวก็รับทั้งส่วนของลูกค้าเก่า ลูกค้าใหม่ และรีไฟแนนซ์ ซึ่งเกณฑ์การพิจารณาในปัจจุบันก็ยังระมัดระวังอยู่ และธนาคารเองก็มีระบบบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมอยู่ โดยมาอัตราการอนุมัติอยู่ที่ประมาณ 70%
“แม้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกจะยังชะลอตัวอยู่บ้าง แต่เชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะดึขึ้นอย่างชัดเจน โดยคาดว่าจีดีพีทั้งปีจะเติบโตประมาณ3%”
