“อาร์เค พร็อพเพอร์ตี้” เดินหน้าเปิดโครงการใหม่รับปีวอก ผุดโครงการทาวน์เฮาส์จับตลาดระดับล่างย่านหนองจอก ราคา 9 แสนถึง 1.5 ล้านบาท จำนวน 499 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท เปิดตัวไตรมาส 2 ชี้คู่แข่งน้อย ซัปพลายไม่เยอะ ขณะที่ผู้เล่นในตลาดพากันไปแย่งเค้กตลาดบน พร้อมเปิดอีก 2 โครงการ รามคำแหง และย่านรามอินทรา เผยยอดรับรู้รายได้ปีนี้เติบโต 15-20% ส่วนแผนเข้าตลาดหุ้นเลื่อนออกไปปี 60 ภาวะตลาดไม่เอื้อ
นายวรยุทธ กิตติอุดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทรุ่งกิจ เรียลเอสเตท จำกัด หรืออาร์เค พร็อพเพอร์ตี้ เปิดเผยว่า ในปีนี้จะมีการเปิดโครงการใหม่ 3-4 โครงการ โดยทางบริษัทได้ตัดสินใจแตกไลน์กลุ่มสินค้าที่อยู่อาศัยระดับล่าง (ไฟติ้งแบรนด์) นำร่องโครงการที่หนองจอก พัฒนาบนเนื้อที่ 41 ไร่ ในรูปแบบทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 9 แสนบาท ถึง 1.5 ล้านบาท จำนวน 499 ยูนิต มูลค่าโครงการ 500 ล้านบาท มี 2 รูปแบบ คือ ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น หน้ากว้าง 4 เมตร ลึก 16 เมตร และหน้ากว้าง 5.7 เมตร โดยเน้นกลุ่มลูกค้าผู้มีรายได้น้อยไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ขณะเดียวกัน ยังรองรับความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจากโซนมีนบุรี เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวที่อยู่อาศัยมีความหนาแน่น ราคาค่อนข้างสูง ประกอบการเดินทางจากโครงการที่หนองจอกไปมีนบุรีใช้เวลาประมาณ 15 นาที
“ในอดีตทางครอบครัวเคยทำโครงการทาวน์เฮาส์มาแล้วในระดับราคา 7-8 แสนบาท แต่นั้นนานมาหลายสิบปี ซึ่งโครงการใหม่เป็นไฟติ้งแบรนด์ที่บริษัทจะดำเนินการในปีนี้ โดยเรามองเห็นว่าระดับล่างเราไม่มีฐานกลุ่มนี้ อีกทั้งกลุ่มนี้มีความต้องการที่แท้จริง คนอยากได้ของถูก ตลาดคู่แข่งขันไม่มาก ซัปพลายไม่เยอะ ซึ่งอาจจะสวนทางต่อทิศทางของตลาดที่ผู้ประกอบการหันไปปรับราคาสินค้าที่ดีขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ตรงนี้ก็อยากทำทุกคน สุดท้ายก็ไปแข่งในตลาดระดับบน ระดับเดียวกัน เค้กก็ก้อนเดิม ผู้เล่นรายเดิม ทั้งนี้ โครงการที่เราทำไม่เน้นกำไรมากนัก แต่จะเป็นโครงการ CSR ที่ให้แก่สังคม ซึ่งราคาที่เหมาะสมในการทำโครงการระดับล่างต่อตารางวาต้องห้ามเกินหมื่นบาท ใช้ระบบพรีแฟบมาดำเนินการ เริ่มดำเนินการไตรมาส 2 ปีนี้ คาดว่าภายใน 2 ปีน่าจะปิดโครงการได้ อัตรากำไรอยู่ที่ 15% กำไรสุทธิอยู่ที่ 7-8%” นายวรยุทธ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดโครงการโฮมออฟฟิศที่รามคำแหง มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท พัฒนาบนเนื้อที่ 37 ไร่ โดยเฟสแรกจะพัฒนาบนเนื้อที่ 24 ไร่ โฮมออฟฟิศสูง 4 ชั้น ราคาเริ่มต้น 5.9 ล้านบาท จำนวน 244 หน่วย ส่วนเฟสที่ 2 รูปแบบทาวน์โฮม สูง 3 ชั้น จำนวน 354 ยูนิต พื้นที่ 180 ตารางเมตร (ตร.ม.) และโครงการที่ถนนรามอินทรา 109 พัฒนาบนเนื้อที่ 20 ไร่ รูปแบบทาวน์โฮม ราคา 2 ล้านบาทต้นๆ ซึ่งขณะนี้กำลังปรับแบบโครงการให้เหมาะสม
สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการบริหารมี 9 โครงการ ซึ่งในปีนี้จะมีการปิดการขายโครงการหลายแห่ง เช่น โครงการ RK โฮม พาร์ค 2 พระราม 9-รามคำแหง รูปแบบบ้านเดี่ยว RK Biz Center มอเตอร์เวย์-แอร์พอร์ตลิงก์ RK พาร์ค วัชรพล-สายไหม และ RK พาร์ค ซาฟารี เฟส 2 เป็นต้น โดยในปีนี้คาดว่าบริษัทจะมียอดรับรู้รายได้ 1,440 ล้านบาท เติบโตประมาณ 15-20% เมื่อเทียบกับปี 58 ที่คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ 1,200 ล้านบาท
ในเรื่องของแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์นั้น ตามแผมเดิมวางไว้ปี 2559 แต่เนื่องจากสภาวะไม่เอื้ออำนวย ทำให้ต้องขยับการเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ไปเป็นปี 2560 ส่วนแนวโน้มที่บริษัทอสังหาฯ หลายแห่งได้เป็นพันธมิตรกับต่างประเทศนั้น ในส่วนของ RK คิดว่ายัง เพราะยังมีความเรื่องของทุน ที่ดิน (แลนด์แบงก์) และการก่อสร้างของบริษัทยังมีความทันสมัยอยู่