สภาธุรกิจตลาดทุน เผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าอยู่ในกรอบซบเซา ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนสถาบันต่างประเทศปรับตัวลดลงมากที่สุด
นายคเณศ วังส์ไพจิตร ผู้อำนวยการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอีก 3 เดือนข้างหน้า (FETCO Invester Confidence Index) หรือเดือนเมษายน 2559 โดยประเมินว่า จะปรับตัวลดลงร้อยละ 3.3 จาก 74.35 เป็น 71.90 อยู่ในกรอบซบเซา (Bearish) ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงต่อเนื่องในรอบ 5 เดือน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของกลุ่มนักลงทุนรายบุคคลมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุด (10.53%) ที่ 86.68 อยู่ในกรอบ “ทรงตัว” (Neutral) ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนสถาบันต่างประเทศปรับตัวลดลงมากที่สุดร้อยละ 70 ดัชนีอยู่ที่ 10 ซึ่งเป็นระดับที่ซบเซาอย่างมาก (Extreme Bearish)
สำหรับปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ เศรษฐกิจในประเทศ และปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุด คือ การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนชะลอตัว และยังมีเรื่องความไม่สมดุลของเศรษฐกิจโลก ทำให้ต่างชาติออกจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง โดยหมวดอุตสาหกรรมที่น่าสนใจลงทุนมากที่สุด คือ หมวดธนาคาร ส่วนกลุ่มที่ไม่น่าสนใจลงทุน คือ หมวดพลังงาน
ด้าน นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยช่วงนี้ยังผันผวน โดยกระแสเงินทุนต่างชาติที่เข้าตลาดหุ้นไทยช่วงนี้เป็นเพียงระยะสั้น ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) วันที่ 10-11 กุมภาพันธ์ 2559 นี้ว่าจะมีปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ขณะที่ราคาน้ำมันยังมีโอกาสปรับตัวลงต่อกระทบมูลค่าหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้อยู่ที่ 1,500 จุด หรือระดับราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Recho) ที่ 16 เท่า
ทั้งนี้ หากการลงทุนภาครัฐมีความชัดเจนกลางปีนี้เพื่อขับเคลื่อนความมั่นใจของเอกชน และผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจโตร้อยละ 3 แต่หากการลงทุนภาครัฐไม่เป็นไปตามคาดหมาย ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับลงมาทดสอบแนวรับ 1,200 จุด กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) คาดว่าจะโตร้อยละ 20 โดยให้เลือกลงทุนหุ้นเป็นรายตัวที่มีผลประกอบการดี คือ กลุ่มโรงพยาบาล ท่องเที่ยว และก่อสร้าง