“กลุ่มเตียวฮง สีลม” รุกธุรกิจจอดรถอัตโนมัติ เปิดตัวแบรนด์ “ซัมจุงเทค” จากเกาหลี ชูจุดขายใช้พื้นที่จอดรถน้อย ช่วยลดต้นทุนที่ดิน ตั้งปี 59 กวาดรายได้กว่า 400 ล้านบาท ขณะที่รายได้ทั้งกลุ่ม 4,000 ล้านบาท
นายวรเทพ ศิริรัตน์อัสดร กรรมการบริหารกลุ่มวัสดุก่อสร้าง บริษัท เตียวฮง สีลม จำกัด ผู้นำเข้าวัสดุตกแต่งทั้งภายใน และภายนอกอาคารจากต่างประเทศมากว่า 40 ปี เปิดเผยว่า ปีนี้กลุ่มบริษัทเตียวฮงจะรุกขยายฐานธุรกิจเพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน กลุ่มบริษัทมี 5 ธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง 2.ธุรกิจรับเหมางานระบบไฟฟ้า ประปา แอร์ 3.ธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม ที่เป็นซัปพลายเน็ตเวิร์กให้แก่ธุรกิจเทเลคอม 4.ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และ 5.ธุรกิจอื่นๆ เช่น เครื่องมือแพทย์ และบริหารอาคาร
ในปีนี้บริษัทได้หันมาให้ความสำคัญต่อธุรกิจใหม่ คือ ที่จอดรถอัตโนมัติ ซึ่งบริษัทได้เริ่มทำตลาดเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา พบว่า ตลาดที่มีการเติบโตอย่างมาก เนื่องจากสังคมเมืองที่เปลี่ยนแปลงไป คนหันมาอยู่คอนโดมิเนียมมากขึ้น ขณะที่ราคาที่ดินที่นำมาพัฒนากลับพุ่งสูงขั้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้ประกอบการหันมาใช้ที่จอดรถอัตโนมัติเพิ่มขึ้น เนื่องจากใช้พื้นที่จอดรถน้อย จอดรถได้จำนวนมาก ใช้ที่ดินในการพัฒนาโครงการลดลง โดยบริษัทได้รับสิทธิเป็นตัวแทนจำหน่ายจอดรถอัตโนมัติแบรนด์ “ซัมจุงเทค” ผู้นำด้านเทคโนโลยีในเครือ “ซัมซุง” จากประเทศเกาหลีใต้ คาดว่าในปีนี้จะสร้างรายได้ให้มากกว่า 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากปีที่แล้วมีรายได้ 250 ล้านบาท
จุดเด่นระบบจอดรถอัตโนมัติจะช่วยหยัดพื้นที่มากกว่า ใช้พื้นที่ช่องจอดเฉลี่ย 12.5-15 ตร.ม.ต่อคัน จากแบบปกติที่ต้องใช้พื้นที่ 25 ตร.ม.ต่อคัน ให้มีพื้นที่เหลือนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่โครงการ มีความปลอดภัยสูง ลดปัญหาอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นจากการขับขี่ระหว่างหาช่องจอด ที่สำคัญ ระบบจอดรถอัตโนมัติยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไม่ต้องติดเครื่องยนต์ขณะที่ระบบเคลื่อนย้ายรถไปจอด ส่งผลให้ช่วยลดโลกร้อน และลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ตอบโจทย์ทั้งผู้บริโภค และเจ้าของโครงการได้เป็นอย่างดี
ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับลูกค้าในการติดตั้งระบบจอดรถอัตโนมัติประมาณ 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 250 ล้านบาท คาดว่าทั้ง 5 โครงการจะเริ่มติดตั้งได้ในครึ่งปีแรกนี้ ที่ผ่านมา บริษัทได้มีการติดตั้งระบบจอดรถอัตโนมัติให้กับโครงการคอนโดฯ ระดับไฮเอนด์ย่านใจกลางเมืองหลายโครงการ เช่น โครงการมหานคร โครงการ เซอร์เคิล สุขุมวิท 11 โครงการ ไฮแอท เพลส โฮเท็ล โครงการ ไนท์บริดจ์ สกาย ริเวอร์ โอเชี่ยน โครงการ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเด้นท์ และโครงการ แอชตัน เรสซิเด้นท์ 41
นายวรเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับอีก 4 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง เพื่อการตกแต่งภายใน และภายนอกอาคาร ที่เน้นเรื่องนวัตกรรมนำเข้าจากยุโรป สหรัฐอเมริกา และเกาหลี เช่น ฝ้าเพดานขึงตึง ฯลฯ ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 10-15% ธุรกิจรับเหมางานระบบไฟฟ้า ประปา แอร์ ให้แก่โครงการคอนโดมิเนียมหรูหลายโครงการ รวมถึงโรงงานของบริษัทต่างประเทศที่มาลงทุนในประเทศไทย มูลค่าการรับงานตั้งแต่ 100-1,500 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 35%
ธุรกิจซัปพลายเน็ตเวิร์กให้แก่ธุรกิจเทเลคอม ซึ่งมีอัตราการเติบโตที่ดี คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 25-30% ของพอร์ต ซึ่งธุรกิจดังกล่าวมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องมา 2-3 ปีแล้ว เนื่องจากได้รับผลประโยชน์จากการขยายโครงข่าย 3G และ 4G ซึ่งลูกค้ารายหลักๆ ของบริษัทจะเป็นผู้ให้บริการโทรคมนาคมชั้นนำของประเทศ
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีรายได้จากอาคารสำนักงานเช่า ที่บางนา 3 อาคาร และสีลม 1 อาคาร รวมพื้นที่ 5 หมื่น ตร.ม. ปัจจุบันมีผู้เช่า 100% นอกจากนี้ ยังมีเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ให้เช่า โครงการโอ๊ควู้ด เรสซิเดนซ์ การ์เด้น ทาวเวอร์ บางนา กม.6.5 พื้นที่ 6,000 ตร.ม. โครงการการ์เด้น ทาวน์เวอร์ ขนาด 350 ตร.ม. จำนวน 60 ยูนิต ปัจจุบันมีผู้เช่า 60-70% และโกดังให้เช่า คิดเป็นสัดส่วนรายได้ไม่ถึง 10% จากธุรกิจทั้งหมด และธุรกิจอื่นๆ เช่น เครื่องมือแพทย์ และบริหารอาคาร สัดส่วนรายได้ 10-15% ในปี 2559 บริษัทตั้งเป้าเติบโตเพิ่มขึ้น 10% จากรายได้ปี 2558 ที่ 4,000 ล้านบาท