xs
xsm
sm
md
lg

ทุนใหม่ยันลงทุน “มั่นคง” ระยะยาวตั้งเป้ารายได้หมื่นล้านกำไร 900 ล้านภายใน 5 ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ
“สุเทพ วงศ์วรเศรษฐ” กลุ่มทุนใหม่ยืนยันซื้อมั่นคงหวังอยู่ยาว พร้อมปิดจุดอ่อนองค์กรสร้างความแข็งแกร่งวางเป้า 5 ปี รายได้กว่า 10,000 ล้านบาท กำไรปีละไม่ต่ำกว่า 900 ล้านบาท เผยแผนลงทุนปี 59 เปิด 5 โครงการ มูลค่า 3,200 ล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ 4,100 ล้านบาท

นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่เข้ามาซื้อกิจการจากกลุ่มผู้บริหารเดิมเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา ได้ปรับนโยบายการบริหารงานในส่วนที่คิดว่าเป็นข้อบกพร่องเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่บริษัท ได้แก่ การเน้นระบายสินค้าคงค้างที่มีอยู่ออกไปให้ได้มากที่สุด ขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักเพื่อลดหนี้ที่มีอยู่ราว 3,000 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงที่ดินแปลงที่ไม่มีศักยภาพ หรือไม่ตรงต่อสินค้าหลักของบริษัท โดยปัจจุบันมีอยู่กว่า 2,000 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา ขายไปได้แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ได้วางกลยุทธ์การเติบโตด้วยแผนรุกทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า และการบริการ โดยตั้งเป้าผลักดันทั้ง 2 ธุรกิจมีสัดส่วนรายได้ 50:50 ในอีก 5 ปีข้างหน้า เพื่อให้รายได้มีความสม่ำเสมอ รวมถึงการพัฒนาสินค้าที่ตรงต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง เน้นตลาดแนวราบระดับกลาง-ล่างเป็นหลัก หรือระดับราคา 2-5 ล้านบาทต่อยูนิต

“การที่เข้ามาซื้อมั่นคงฯ เป็นการลงทุนระยะยาว เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะบริหารมั่นคงให้มีการเติบโตที่แข็งแกร่ง ซึ่งเมื่อเข้ามาแล้วก็หาจุดอ่อน และพยายามปิดจุดอ่อนที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง รักษาสัดส่วนรายได้ทั้งจากการขาย และรายได้ค่าเช่าให้มีสัดส่วน 50:50 เพื่อให้บริษัทมีรายได้อย่างสม่ำเสมอ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า และการบริการนั้นคาดจะเริ่มมีการรับรู้รายได้จากโครงการพัฒนาคลังสินค้า และโรงงานให้เช่าในเขตปลอดอากร เเละเขตทั่วไป (บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด) และมีแผนการพัฒนาโครงการพาร์ค คอร์ท (Park Court) ซึ่งเป็นอพาร์ตเมนต์เจาะตลาดบน และกลุ่มต่างชาติ ที่จะเข้ามาเพิ่มรายได้ระยะยาว” นายสุเทพ กล่าว

ในปี 2558 คาดการณ์รายได้เติบโตที่ 60% หรือประมาณ 3,800 ล้านบาท จากปี 2557 ที่มีรายได้ 2,300 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายในปี 2558 มีจำนวน 2,500 ล้านบาท สำหรับในปี 2559 บริษัทตั้งเป้ามีรายได้ 4,100 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจากยอดขายรอรับรู้รายได้ที่มีอยู่ราว 500 ล้านบาท รวมถึงการขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักโดยเฉพาะที่ดินที่อยู่ในปริมณฑล โดยตั้งเป้าภายใน 5 ปีจะต้องมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท และมีกำไรไม่ต่ำกว่าปีละ 900 ล้านบาท

สำหรับแผนลงทุนในปี 2559 ตั้งเป้าเปิดขายโครงการใหม่ 5 โครงการ มูลค่ากว่า 3,200 ล้านบาท เช่น โครงการชวนชื่น แกรนด์ ราชพฤกษ์ ราคา 8-10 ล้านบาท จำนวน 110 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และโครงการชวนชื่น แกรนด์ เอกชัย-บางบอน 4 ราคา 8-10 ล้านบาท จำนวน 91 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท โดยทั้ง 2 โครงการนี้จะเปิดตัวภายในไตรมาส 2/59 และหลังจากนั้น ในช่วงไตรมาส 4/59 บริษัทฯ จะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮาส์ ระดับราคา 2 ล้านบาท จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 500 ล้านบาท บริเวณกรุงเทพฯ โซนตะวันตก และบ้านแฝดระดับราคา 4-5 ล้าน จำนวน 100 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 500 ล้าน

กลยุทธ์ทางด้านการพัฒนาโครงการแนวราบนั้นจะยังคงพิจารณาในพื้นที่ทำเลทองที่อยู่ใกล้กับระบบขนส่งมวลชน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย และจะพัฒนาโครงการ 40% บนแลนด์แบงก์เพื่อเป็นการจัดการต้นทุน นอกจากนั้น ยังมีการลงทุนอีก 1,000 ล้านบาท เพื่อที่จะซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการเพิ่มสำหรับภายในปี 2559-2560 ทั้งนี้ ตอนนี้มี Backlog อยู่ที่ 500 ล้านบาท คาดว่าจะหมดภายในปีนี้ ที่บริษัทรุกตลาดแนวราบเนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่อง และเป็นตลาดที่เรามีความเชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็นตลาดบ้านที่ซื้อขายได้ในระดับราคา 2-4.9 ล้านบาท ตลาดกลางระดับราคา 5-7 ล้านบาท และระดับกลางบนระดับราคา 8-10 ล้าน นอกจากนั้น ยังมีอานิสงส์ของการขยายตัวของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย เมืองมีการขยายตัว และการเดินทางไปที่ต่างๆ มีความสะดวกขึ้น


กำลังโหลดความคิดเห็น