เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ ตั้งบริษัทลูก ลุย REIT Manager รับแผนเตรียมออกกอง REIT เดินหน้าพิจารณาศึกษาสินทรัพย์ที่เตรียมจะนำเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) คาดสามารถดำเนินการได้ภายในปี 59
นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านลอจิสติกส์ภาคพื้นดินอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ (บอร์ด) เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2558 มีมติอนุมัติให้ดำเนินการจัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ขึ้น เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT Manager) รองรับนโยบายการจัดตั้งทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการภายในปี 2559 โดยอยู่ระหว่างการศึกษาว่าจะนำสินทรัพย์ใดของบริษัทฯ เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIT ซึ่งจะมีการแจ้งความคืบหน้าให้ทราบต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีคลังสินค้าทั่วไป คลังสินค้าอันตราย คลังสินค้าแช่เย็นแช่แข็ง คลังสินค้าสำหรับเก็บเอกสาร คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 210,000 ตารางเมตร และมีลานสินค้าอันตราย รวมถึงลานสำหรับพักรถยนต์เพื่อการส่งออกภายในพื้นที่นิคมฯ แหลมฉบัง ถนนบางนา กิโลเมตรที่ 19 ตำบลมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร และสุวินทวงศ์ อีกกว่า 557,000 ตารางเมตร
ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ กล่าวอีกว่า บริษัทฯ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านลอจิสติกส์ภายในประเทศอย่างครบวงจรมานานกว่า 35 ปี ปัจจุบัน บริษัทฯ มีพื้นที่ให้บริการทั้งในเขตพื้นที่ทั่วไป และเขตปลอดอากรรวม 775,743 ตารางเมตร โดยตั้งอยู่บนทำเลหลักสำหรับการนำเข้า และส่งออก รวมถึงจุดกระจายสินค้าหลักๆ ของประเทศ ประกอบด้วย คลังสินค้า จำนวน 40 หลัง พื้นที่รวม 206,488 ตารางเมตร และลานรับฝากสินค้า 569,255 ตารางเมตร โดยตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ท่าเรือแหลมฉบัง 608,187 ตารางเมตร ถนนกรุงเทพกรีฑา 4,575 ตารางเมตร ถนนสามวา 19,200 ตารางเมตร ถนนบางนา-ตราด กม. 19 ขนาด 94,480 ตารางเมตร ถนนสุวินทวงศ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา 18,905 ตารางเมตร ตำบลมหาชัย จังหวัดสมุทรสาคร 27,996 ตารางเมตร และอำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ 2,400 ตารางเมตร โดยพื้นที่ดังกล่าวรวมพื้นที่การให้บริการจัดการสินค้าอันตราย 184,000 ตารางเมตร ที่บริษัทฯ ได้รับสัมปทานเพียงรายเดียวในเขตท่าเรือแหลมฉบัง ส่งผลให้สินค้าอันตรายทั้งหมดที่เข้า-ออกผ่านท่าเรือฯ ต้องผ่านคลังสินค้าอันตรายของบริษัทฯ เท่านั้น
สำหรับจุดแข็งของการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ นั้น 1.บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการลอจิสติกส์ภาคพื้นดินแบบครบวงจร ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการให้แก่ลูกค้าได้อย่างครบถ้วน 2.บริษัทฯ มุ่งเน้นการให้บริการในกลุ่มธุรกิจที่มีความซับซ้อนสูงกว่าการให้บริการทั่วไป เช่น การบริหารจัดการคลังสินค้าอันตราย สินค้าควบคุมอุณหภูมิแช่เย็นแช่แข็ง สินค้ารถยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่ต้องการความถูกต้อง และรวดเร็วในการให้บริการ และ 3.บริษัทฯ นำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาช่วยในการบริหารจัดการคลังสินค้าเพื่อสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวถูกพัฒนาโดยบริษัทในเครือ