หากติดตามราคาทองคำจะพบว่าในช่วงครึ่งแรกของเดือนมกราคม ราคาทองคำได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอันเนื่องมาจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลก รวมถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งลงอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ อันจะส่งผลกระทบต่อเนื่องต่อการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไปของเฟด สรุปได้ดังนี้
นายเอริค โรเซนเกรน ประธานเฟด สาขาบอสตัน กล่าวว่า การดิ่งลงของตลาดหุ้นจีน ราคาน้ำมันที่อ่อนแอ และปัจจัยอื่นๆกระตุ้นความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอการเติบโตลงอย่างรุนแรง
นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก ได้แสดงความกังวลแบบเดียวกับ นายโรเซนเกรน โดย นายอีแวนส์ กล่าวว่า การที่เศรษฐกิจจีนชะลอการเติบโตลงจะส่งผลลบต่อเศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึงสหรัฐฯ
นายเดนนิส ล็อคฮาร์ท ประธานเฟด สาขาแอตแลนตา กล่าวว่า เขาคิดว่าตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ที่ออกมาจะยังไม่มากพอที่จะทำให้เฟดตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 จนกว่าจะถึงเดือน เม.ย. เนื่องจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบจากจีนในช่วงนี้
นายโรเบิร์ต แคปแลน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ยังไม่เป็นที่แน่นอนว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีนี้ เนื่องจากความกังวลเรื่องเศรษฐกิจจีนก่อให้เกิดความผันผวนในตลาดหุ้นทั่วโลก
จากความเห็นของเจ้าหน้าที่เฟดหลายรายได้สะท้อนความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการร่วงลงของราคาน้ำมัน ซึ่งอาจเป็นประเด็นสำคัญที่จะขัดขวางแผนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยก่อนหน้านี้ ผู้กำหนดนโยบายของเฟดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้ง ในปี 2016 นักลงทุนทองคำจึงต้องติดตามประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นอย่างต่อเนื่อง เพราะหากอุปสรรคทั้งการดิ่งลงของตลาดหุ้นทั่วโลกอันเนื่องมาจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน การร่วงลงของราคาน้ำมัน และการแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลกดดันทำให้อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อาจส่งผลให้เฟดตัดสินใจชะลอการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ดังเช่นที่เคยตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 16-17 ก.ย.2015 แทนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อทองคำในที่สุด โดยเฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายครั้งถัดไปในวันที่ 26-27 ม.ค.นี้