“ทิสโก้” มองหุ้นไทยปีนี้เริ่มกลับมาน่าสนใจ ชี้เป้าหุ้นกลาง-เล็กโดดเด่น

“ทิสโก้” มองหุ้นไทยปีนี้เริ่มกลับมาน่าสนใจ หลังปรับฐานแรงกว่า 14% พร้อมชูหุ้นขนาดกลาง-หุ้นเล็กที่โดดเด่น “รวงข้าว” แนะจับตาราคาน้ำมัน ตัวเลข ศก.ต่างประเทศ และรายงานผลประกอบการ บจ. พร้อมให้กรอบ 1,205-1,275 จุด

นายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทิสโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยในปีนี้เริ่มกลับมาน่าสนใจลงทุน หลังตลาดปรับฐานลงมาแรง อย่างไรก็ดี ด้วยปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอ บวกกับปัจจัยภายนอกที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันที่ลดต่ำลง บวกกับความกังวลเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ทำให้ทุนนอกยังไม่ไหลกลับเข้าลงทุนตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) เช่น กลุ่มพลังงาน กลุ่มสื่อสาร และกลุ่มธนาคารพาณิชย์ เป็นต้น ซึ่งในช่วงปีผ่านมา ถือเป็น 3 กลุ่มหลักที่ปรับตัวลดลงกว่า 20-30% ฉุดให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับตัวลดลงอย่างหนัก จึงแนะนำให้นักลงทุนใช้กลยุทธ์เลือกลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดเล็ก (Mid & Small Cap) เพื่อสร้างโอกาสในการเอาชนะดัชนีตลาดหุ้น

“มองว่าในปีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยโดยเฉลี่ยปรับตัวลดลงมากกว่า 14% แต่หากเลือกลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็กยังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เป็นบวกได้ โดยต้องใช้ความสามารถในการคัดเลือกหุ้น และมีการปรับพอร์ตการลงทุนอย่างทันท่วงที ซึ่งในปี 2559 นี้ บลจ.ทิสโก้ ยังมีมุมมองคงเดิมว่า แนะนำนักลงทุนให้ใช้กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก หากต้องการสร้างผลตอบแทนให้ชนะดัชนีตลาดหุ้นได้”

จากข้อมูลของมอร์นิ่งสตาร์ ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา (1 ม.ค.-31 ธ.ค.58) “กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้” (TISCOMS) สามารถสร้างผลตอบแทนเป็นบวกได้ถึง 15.09% ขณะที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET Index) ซึ่งใช้เป็นเกณฑ์อ้างอิงลดลง 14% และหากมองผลตอบแทนย้อนหลังนับตั้งแต่จัดตั้งกองทุน (11 ก.ค.56-25 ธ.ค.58) กองทุนดังกล่าวสามารถทำผลตอบแทนได้ 36.85%

ขณะที่ในช่วงเดียวกัน ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลง 11.34% ซึ่งเท่ากับกองทุนเปิด TISCOMS สามารถชนะดัชนีได้กว่า 48.18% ส่วนผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี (29 ธ.ค.57-25 ธ.ค.58) 6 เดือน (29 มิ.ย.58-25 ธ.ค.58) และ 3 เดือน (28 ก.ย. 58-25 ธ.ค.58) อยู่ที่ 11.46%, 2.91% และ 2.89% ตามลำดับ

ด้านศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ดัชนีหุ้นไทยช่วงวันที่ 18-22 ม.ค.59 โดยระบุว่า บล.กสิกรไทย มองว่า ดัชนีมีแนวรับที่ 1,220 และ 1,205 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,260 และ 1,275 จุด ตามลำดับ ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามคง ได้แก่ การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในตลาดโลก และการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไตรมาส 4/58

สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เช่น เครื่องชี้ภาคอสังหาริมทรัพย์ ดัชนีราคาผู้บริโภค และดัชนี PMI โดย Markit ส่วนเครื่องชี้เศรษฐกิจของประเทศจีนที่น่าสนใจ ได้แก่ ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมจีน ยอดค้าปลีกจีน และจีดีพีไตรมาส 4/58